Abstract:
การศึกษาผลกระทบจากการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรต่อสาขาอุตสาหกรรม 13 สาขา ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม, อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งหุ่ม, อุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง, อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน, อุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์, อุตสาหกรรมยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง, อุตสาหกรรมปิโตรเคมี, อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก, อุตสาหกรรมแก้วและเซรามิก, อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า, อุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ และอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นการวัดผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อตัวแปรทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ทั้งตัวแปรในระดับมหภาคและตัวแปรในระดับจุลภาคในลักษณะของการวิเคราะห์ดุลยภาพเชิงเปรียบเทียบจากการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรของประเทศไทยตามข้อผูกพันขององค์การค้าโลกระหว่างปี ค.ศ. 1998 และปี ค.ศ. 2004 โดยใช้แบบจำลองดุลยภาพทั่วไป CAMGRM เป็นเครื่องมือในการประเมินผลกระทบ ประกอบกับการวิเคราะห์โครงสร้างการผลิตจากตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตของประเทศไทย ณ ปี ค.ศ. 1998 เพื่อนำไปสู่การอธิบายผลลัพธ์ที่ได้อย่างสมเหตุผล รวมไปถึงการหาข้อสรุปเชิงนโยบายที่เหมาะสมสำหรับสาขาอุตสาหกรรมที่สำคัญ เนื่องจากสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรจากปี ค.ศ. 1995 และจบสิ่นในปี ค.ศ. 1999 ค่าอัตราภาษีศุลกากรที่ปรับลดเฉลี่ยจากปี ค.ศ. 1998 ถึงปี ค.ศ. 2004 จึงมีค่าเพียง 4.53% จากการใช้แบบจำลอง CAMGEM ในการประเมินผลกระทบ ปรากฏผลลัพธ์ทั้งในระดับมหภาคและระดับจุลภาคที่แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวสูงขึ้นของตัวแปรทางเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งได้แก่ การนำเข้า, การส่งออก, การบริโภค, ระดับผลผลิต, การจ้างงาน และการลงทุน โดยเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของตัวแปรด้านราคา ซึ่งประกอบด้วย ระดับราคาสินค้านำเข้า, ระดับราคาสินค้าส่งออก และระดับราคาสินค้าภายในประเทศ สาขาอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวของระดับผลผลิตในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับสาขาอุตสาหกรรมอื่น ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง จากการวิเคราะห์โครงสร้างการผลิตโดยใช้ตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตทำให้ทราบถึงปัจจัยสำคัญที่กำหนดการขยายตัวและระดับผลผลิตดังกล่าว อันได้แก่ ปัจจัยด้านการลดต้นทุน, ปัจจัยด้านความเชื่อมโยงของกิจกรรมการผลิต ปัจจัยด้านความต้องการลงทุน และปัจจัยด้านการค้าระหว่างประเทศ สำหรับประเด็นทางด้านนโยบาย ควรมีการอำนวยความสะดวกด้านการผลิตในสาขาอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรในระดับที่สูงซึ่งประกอบไปด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, อุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง, อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในขณะที่อุตสาหกรรมที่ควรส่งเสริมให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างรายได้ให้กับปัจจัยการผลิตได้อย่างมากและทั่วถึงได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม