Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของน้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ระงับเชื้อในการลดระดับปริมาณเชื้อสเตรปโตคอคคัส มิวแทนส์ ในน้ำลายในคนที่มีปริมาณเชื้อมากกว่า 105 โคโลนีต่อน้ำลาย 1 มิลลิลิตร ให้มีปริมาณเชื้อต่ำกว่า 105 โคโลนีต่อน้ำลาย 1 มิลลิลิตร ตัวอย่างมาจากอาสาสมัคร 40 คน อายุ 15-30 ปี มีระดับปริมาณเชื้อในน้ำลายสูง จัดสรรตัวอย่างแบบสุ่มเป็น 4 กลุ่ม ตามชนิดของน้ำยาบ้วนปาก ดังนี้ น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน น้ำยาบ้วนปากน้ำมันหอมระเหย น้ำยาบ้วนปากเซทิลไพริดิเนียม คลอไรด์ และน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีฤทธิ์ระงับเชื้อ ตรวจระดับปริมาณเชื้อสเตรปโตคอคคัส มิวแทนส์ ในน้ำลาย โดยใช้ Dentocult SM® ก่อนใช้และเมื่อใช้น้ำยาบ้วนปาก 2 สัปดาห์ กรณีที่พบว่ามีการลดระดับปริมาณเชื้อเป็นระดับต่ำ ทำการตรวจปริมาณเชื้ออีกครั้งภายหลังหยุดใช้น้ำยาบ้วนปาก 2 สัปดาห์ ผลการศึกษา พบว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ระงับเชื้อทั้ง 3 ชนิด มีประสิทธิผลในการลดค่าเฉลี่ยระดับปริมาณเชื้อได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับก่อนใช้น้ำยาบ้วนปาก (p < 0.05) โดยค่าเฉลี่ยระดับปริมาณเชื้อก่อนใช้และเมื่อใช้น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีนเป็น 2.30 และ 0.20 น้ำยาบ้วนปากน้ำมันหอมระเหย เป็น 2.30 และ 1.20 และน้ำยาบ้วนปากเซทิลไพริดิเนียม คลอไรด์ เป็น 2.40 และ 1.10 และมีประสิทธิผลในการลดจำนวนตัวอย่างที่มีระดับปริมาณเชื้อสูงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีฤทธิ์ระงับเชื้อ (p < 0.05) โดยประสิทธิผลเป็นร้อยละ 100, 60 และ 50 ตามลำดับ และน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีนมีประสิทธิผลสูงกว่าน้ำยาบ้วนปากเซทิลไพริดิเนียม คลอไรด์ อย่างมีนัยสำคัญ (p < 0.05) ในกลุ่มตัวอย่างที่มีการลดลงของปริมาณเชื้อจากระดับสูงเป็นต่ำ พบว่าหลังหยุดใช้น้ำยาบ้วนปาก 2 สัปดาห์ มีจำนวนตัวอย่างที่มีปริมาณเชื้อกลับมาเป็นระดับสูงในน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีนร้อยละ 30 น้ำยาบ้วนปากน้ำมันหอมระเหยร้อยละ 33.3 และน้ำยาบ้วนปากเซทิลไพริดิเนียม คลอไรด์ ร้อยละ 60 แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากการศึกษาสรุปได้ว่า น้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ระงับเชื้อทั้ง 3 ชนิด มีประสิทธิผลในการลดระดับปริมาณเชื้อสเตรปโตคอคคัส มิวแทนส์ ในน้ำลายของผู้ป่วยที่มีระดับปริมาณเชื้อสูง โดยน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีนมีประสิทธิผลมากที่สุด น้ำยาบ้วนปากน้ำมันหอมระเหยและน้ำยาบ้วนปากเซทิลไพริดิเนียม คลอไรด์ มีประสิทธิผลใกล้เคียงกัน.