Abstract:
ประเทศไทยมีความได้เปรียบในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในเรื่องภูมิปัญญาการเผาพลอยเป็นที่รู้จักและยอมรับไปทั่วโลก โดยเฉพาะการเผาพลอยสีชมพูอ่อนราคาถูก ให้เป็นพลอยสีส้มอมชมพูคล้ายคลึงกับพลอยพัดพาราชาที่มีราคาแพงและหายากมากของประเทศศรีลังกา ซึ่งต่อมาจึงเกิดเป็นประเด็นทางเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ เมื่อห้องทดสอบพลอยในประเทศสหรัฐอเมริกา (Gem Trade Laboratory – GIA) นำพลอยที่เผาโดยวิธีใหม่ไปตรวจสอบแล้วตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการเผาพลอยแบบใหม่ว่าเป็นการซ่านสีพลอย เนื่องจากพบสารเบริลเลียมเจือปนในพลอย ดังนั้นสมาคมผู้ค้าอัญมณีของสหรัฐอเมริกาจึงออกข่าวเตือนผู้ซื้อพลอยผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตไปทั่วโลก ว่าพลอยเผาของไทยเป็นพลอยซ่านสี ซึ่งถือว่าเป็นของปลอม ส่งผลให้ธุรกิจการค้าพลอยไทยต้องหยุดชะงักทันทีและสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างใหญ่หลวงนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีการออกมาแก้ข่าวเกี่ยวกับการเผาพลอยของชาวไทย
ผู้วิจัยจึงเห็นความสำคัญของการทำวิจัยนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงวิวัฒนาการของการเผาพลอยในประเทศไทย และหาแนวทางในการปกป้องภูมิปัญญาไทยในการเผาพลอย โดยผลการศึกษาพบว่า ได้มีงานวิจัยออกมาพิสูจน์ถึงการเผาพลอยของชาวไทยว่าการที่ตรวจพบสารเบริลเลียมในเนื้อพลอยเกิดจากการนำพลอยคริสโซเบริล (Chrysoberyl) ซึ่งเป็นพลอยเนื้ออ่อนมาร่วมเผาในเบ้าเดียวกัน ไม่ใช่การซ่านสีพลอยอย่างที่กล่าวอ้าง และสารเบริลเลียมไม่ใช่ตัวการหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสี แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของเหล็ก (Fe2+) ในเนื้อพลอย และด้วยข้อพิสูจน์ผ่านกาลเวลาที่พบพลอยที่เผาโดยวิธีการใหม่ไม่ใช่การซ่านสีพลอยเนื่องจากสีของพลอยไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอย่างพลอยซ่านสี