กระบวนการสื่อสารให้คำปรึกษาขององค์กรภาครัฐและเอกชนเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย

ธัญพร ศรีคช

dc.contributor.advisor	อวยพร พานิช
dc.contributor.author	ธัญพร ศรีคช
dc.contributor.other	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิเทศศาสตร์
dc.date.accessioned	2012-02-12T02:17:08Z
dc.date.available	2012-02-12T02:17:08Z
dc.date.issued	2552
dc.identifier.uri	http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/16850
dc.description	วิทยานิพนธ์ (นศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552	en
dc.description.abstract	การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนกระบวนการสื่อสารให้คำปรึกษาเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายขององค์กรจากภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย จำนวน 4 แห่ง โดยศึกษากลยุทธ์การสื่อสารที่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครนำมาใช้ในการสื่อสารกับผู้ใช้บริการทางโทรศัพท์ที่ติดต่อผ่านหมายเลขโทรศัพท์ขององค์กร ศึกษาปัญหาและอุปสรรคที่พบขณะสนทนา ตลอดจนองค์ประกอบที่ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้สามารถนำมาใช้กับผู้ใช้บริการได้อย่างเหมาะสม ด้วยการใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การเก็บข้อมูลแบบสหวิธีการ โดยใช้แนวคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ทฤษฎีการสื่อสารระหว่างบุคคล มิติของความแตกต่างทางวัฒนธรรม แนวคิดเกี่ยวกับผู้ให้คำปรึกษาในฐานะผู้ส่งสาร ทฤษฎีแรงสนับสนุนทางสังคม และแนวคิดเกี่ยวกับความรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง เป็นกรอบในการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า 1. เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมีกลยุทธ์การสื่อสารด้วยความเป็นมิตร มีการจัดการอารมณ์ของผู้ใช้บริการและรักษาความมั่นคงทางอารมณ์ของตน สะท้อนปัญหาของผู้ใช้บริการ มีการรับรู้ตนเองของทั้งสองฝ่าย และดำเนินการสนทนาในเงื่อนไขของความลับและความเป็นส่วนตัว 2. ปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครและผู้ใช้บริการ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากผู้ใช้บริการ ปัญหาและอุปสรรคจากเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร และอุปสรรคจากสิ่งแวดล้อม 3. เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมีการนำความรู้และแนวคิดเกี่ยวกับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของคนไทย การปรับกลยุทธ์การสื่อสารเชิงลู่เข้า การเสริมการรับรู้เกี่ยวกับแรงสนับสนุนทางสังคม และการสร้างความเชื่อถือของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในฐานะผู้ส่งสาร มาประยุกต์ใช้เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม	en
dc.description.abstractalternative	This research aimed to study the communication process in consultation provided by four public and private organizations for suicide prevention in Thailand. The research studied the communication strategies used by the staff and volunteers when contacted by the callers with the intention of suicide through the organization's telephone lines and also the difficulties and obstacles encountered during the calls. Furthermore, criteria which can help improve the strategies to appropriately accommodate the callers are explored. This research used qualitative research methods and multiple-methodology in acquiring information. Results showed that: 1. The staff and volunteers use friendly, strategic communications to handle the caller's emotions, concurrently remaining in their own emotional calmness, reflect the callers' problems and also are aware of their own self perception and talk in a private and discreet manner. 2. The three types of difficulties and obstacles encountered between the staff and volunteers, and the callers are the difficulties from the callers, difficulties from the staff and volunteers, and environmental obstacles. 3. Thai concepts of culture, convergence strategies, the concept of social support and the Aristotelian rhetorical concepts of logos, ethos, and pathos are used by the staff and volunteers into communicating with and handling the callers	en
dc.format.extent	1507996 bytes
dc.format.mimetype	application/pdf
dc.language.iso	th	es
dc.publisher	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย	en
dc.relation.uri	http://doi.org/10.14457/CU.the.2009.41
dc.rights	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย	en
dc.subject	การให้คำปรึกษา	en
dc.subject	การฆ่าตัวตาย	en
dc.subject	การสื่อสารระหว่างบุคคล	en
dc.title	กระบวนการสื่อสารให้คำปรึกษาขององค์กรภาครัฐและเอกชนเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย	en
dc.title.alternative	Communication process in consultation provided by public and private organizations for suicide prevention	en
dc.type	Thesis	es
dc.degree.name	นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต	es
dc.degree.level	ปริญญาโท	es
dc.degree.discipline	วาทวิทยา	es
dc.degree.grantor	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย	en
dc.email.advisor	Uayporn.P@chula.ac.th
dc.identifier.DOI	10.14457/CU.the.2009.41