Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของยาเมโทรนิดาโซลเจล ความเข้มข้นร้อยละ 2 ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย เมื่อให้ร่วมกับการขูดหินน้ำลายและเกลารากฟัน ในการรักษาผู้ป่วยโรคปริทันต์อักเสบแบบเรื้อรัง โดยคัดเลือกผู้ป่วยจากคลินิกปริทันตวิทยา คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 26 คน ซึ่งไม่มีโรคทางระบบ ไม่ได้รับยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่กลุ่มสเตียรอยด์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และได้รับการรักษาโรคปริทันต์อักเสบในเบื้องต้นโดยการขูดหินน้ำลายและเกลารากฟันและสอนวิธีดูแลอนามัยช่องปากมาแล้ว โดยเลือกฟันที่มีร่องลึกปริทันต์ 6 – 8 มิลลิเมตร อย่างน้อย 1 ซี่ในผู้ป่วยแต่ละคน แบ่งกลุ่มฟันตัวอย่างด้วยการสุ่มแบบง่าย ได้แก่ กลุ่มทดลอง (กลุ่มที่ขูดหินน้ำลายและเกลารากฟันร่วมกับการให้ยาเมโทรนิดาโซลเจล) และกลุ่มควบคุม (กลุ่มที่ขูดหินน้ำลายและเกลารากฟันร่วมกับการให้ยาหลอก) ทั้งสองกลุ่มจะได้รับการใส่ยาวันเว้นวัน รวม 3 ครั้ง และวัดค่าทางคลินิก ได้แก่ ดัชนีคราบจุลินทรีย์ ดัชนีอาการเลือดออก ระดับร่องลึกปริทันต์ ระยะเหงือกร่น และระดับการยึดติดของอวัยวะปริทันต์ ในเดือนที่ 0, 3 และ 6 ที่ตำแหน่งลึกที่สุดของซี่ฟัน โดยใช้ชิ้นปิดบนด้านบดเคี้ยวเป็นตัวกำหนดตำแหน่งอ้างอิง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Mann-Whitney U-test, Chi-Square test และ Wilcoxon Signed Ranks test ที่ระดับความเชื่อมั่น alpha=0.05 ผลการวิจัยพบว่าทั้งสองกลุ่มการรักษา สามารถทำให้ลักษณะทางคลินิกของทั้งสองกลุ่มการรักษาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระยะเวลาหลังการรักษา 6 เดือน ความลึกของร่องลึกปริทันต์เฉลี่ยลดลง 1.30 มม. และระดับการยึดติดของอวัยวะปริทันต์เพิ่มขึ้นถึง 1.10 มม.ในกลุ่มทดลอง ขณะที่ในกลุ่มควบคุมจะเป็น 0.56 มม. และ 0.50 มม. ตามลำดับ และพบว่าในกลุ่มทดลองมีค่าความลึกของร่องลึกปริทันต์ที่ลดลงในระหว่าง 0 ถึง 6 เดือน และค่าดัชนีอาการเลือดออกที่ลดลงในระหว่าง 3 ถึง 6 เดือน มีความแตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากผลการวิจัยนำร่องนี้แสดงให้เห็นว่า การให้ยาเมโทรนิดาโซลเจล ความเข้มข้นร้อยละ 2 ร่วมกับการขูดหินน้ำลายและเกลารากฟัน ให้ผลดีในการรักษาโรคปริทันต์อักเสบแบบเรื้อรัง แต่ก็ยังต้องมีการศึกษาและพัฒนาตัวยาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป