Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ทำการศึกษาผลของยาอะซัยโคลเวียและสารสกัดพญายอในการต้านเชื้อไวรัสเคเอชวีซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดความเสียหายในการเลี้ยงปลาไนและปลาแฟนซีคาร์พทั่วโลก โดยทำการศึกษาประสิทธิภาพในการต้านเชื้อไวรัสทั้งก่อนและหลังจากที่มีการติดเชื้อเข้าสู่เซลล์เพาะเลี้ยงเคเอฟเซลล์ พบว่า สารสกัดพญายอสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสได้ที่ความเข้มข้น 0.475 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ทั้งก่อนที่มีการติดเชื้อเข้าสู่เซลล์ 1,2,3 และ 4 ชั่วโมง และหลังจากเชื้อติดเข้าสู่เซลล์แล้ว ในขณะที่ยาอะซัยโคลเวียที่ความเข้มข้นสูงสุดที่ 10 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ไม่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสเคเอชวีภายในเซลล์ การทดสอบความเป็นพิษพบว่ายาอะซัยโคลเวียที่ความเข้มข้น 25, 50 และ 100 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร มีความเป็นพิษต่อเซลล์เคเอฟซีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) โดยความเข้มข้นที่ทำให้เซลล์ตายไป 50% ของเซลล์ทั้งหมด คือ 11.60 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร สารสกัดพญายอที่ความเข้มขัน 4.75 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์โดยทำให้เซลล์ตายทั้งหมด ส่วนที่ความเข้มข้น 0.95, 0.475, 0.095 และ 0.0095 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร พบว่าไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์โดยความเข้มข้นที่ทำให้เซลล์ตายไป 50% ของเซลล์ทั้งหมดคือที่ความเข้มข้น 1.9 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร นอกจากนี้ทำการศึกษาพยาธิสภาพของเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน พบว่ามีความสอดคล้องกับผลการทดลองที่ได้ โดยวิริออนที่พบภายในเซลล์ที่ใช้สารสกัดพญายอจะมีความผิดปกติ เกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถเจริญเป็นไวรัสที่มีคุณสมบัติในการติดเชื้อได้ จากผลการศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สารสกัดพญายอมีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อไวรัสเคเอชวีในเซลล์เพาะเลี้ยงจากปลาคาร์พ โดยอาจนำไปประยุกต์ใช้และพัฒนาต่อไปเพื่อการรักษาโรคไวรัสเคเอชวีได้ในอนาคต