Abstract:
กรณีศึกษาเรื่อง “กลยุทธ์การบริหารการจัดการขยะมูลฝอย กรณีศึกษา เทศบาลเมืองท่าโขลง จังหวัดปทุมธานี” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับเทศบาลเมือง ท่าโขลงในการน าก๊าซชีวภาพที่เกิดจากการจัดการขยะมูลฝอยมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน และศึกษาความเป็นไปได้ทางด้านความคุ้มค่าของการลงทุนทางการเงิน (Financial Investment) การศึกษาได้รวบรวมแนวคิด บทความ งานวิจัยต่างๆ จากการศึกษาปัจจัยภายในและภายนอกที่เอื้ออ านวยต่อการด าเนินการจัดการขยะมูลฝอยและจากการทดลองโดยการเก็บตัวอย่างขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองท่าโขลงมาศึกษาองค์ประกอบของขยะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นขยะอินทรีย์ และเมื่อน าขยะทั้งหมดโดยไม่ได้คัดแยกมาหมักตามกระบวนการโดยใช้เวลาการหมัก 90 วัน ได้ก๊าซชีวภาพตั้งแต่วันที่ 2 ถึง วันที่ 90 ของการหมัก รวมปริมาณก๊าซที่ได้ 5,836 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นค่าเฉลี่ยได้ก๊าซชีวภาพ 48.63 ลูกบาศก์เมตร/ขยะ 1 ตัน มีปริมาณก๊าซมีเทนอยู่ในระดับ 50.89 % จึงน าก๊าซชีวภาพที่ได้มาทดสอบการใช้งานสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิง การติดเครื่องยนต์ และผลิตกระแสไฟฟ้า ส่วนน้ าและกากตะกอนสามารถน าไปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ส าหรับใช้ในการเกษตร และขยะรีไซเคิลน าไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้ และท าการศึกษาความเป็นไปได้ทางด้านความคุ้มค่าทางการเงิน โดยการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ ณ อัตราคิดลดร้อยละ 6 , 8 , 10 และ 12 กรณีต้นทุนคงที่และผลประโยชน์คงที่ และกรณีต้นทุนคงที่และผลประโยชน์เพิ่มค่าจ้างเหมาก าจัดขยะ 5 % ทุก 5 ปี ระยะเวลาของการด าเนินงาน 30 ปี ซึ่งพิจารณาจากค่าตัวชี้วัดพบว่า ระยะเวลาในการคืนทุน (PB) ที่ค านวณได้ 3.59 ปี (3 ปี 7 เดือน 3 วัน) น้อยกว่าระยะเวลาในการด าเนินงาน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ค านวณได้มากกว่า 0 และอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน ( BCR) ที่ค านวณได้มีค่ามากกว่า 1 จะเห็นได้ว่า การลงทุนในการด าเนินการคุ้มค่าต่อการลงทุน ผลสรุปการบริหารการจัดการขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองท่าโขลง โดยวิธีการหมักขยะแบบ ไร้ออกซิเจน ซึ่งไม่ได้ผ่านกระบวนการคัดแยกขยะ ท าให้ได้ก๊าซชีวภาพมาแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ และการศึกษาความเป็นไปได้ทางด้านความคุ้มค่าต่อการลงทุนทางการเงินโดยวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ ณ อัตราคิดลดร้อยละ 6 , 8 , 10 และ 12 กรณีต้นทุนคงที่และผลประโยชน์คงที่ และกรณีต้นทุนคงที่และผลประโยชน์เพิ่มค่าจ้างเหมาก าจัดขยะ 5 % ทุก 5 ปี พบว่าการลงทุนในการด าเนินการคุ้มค่าต่อการลงทุน และสามารถน าเทคโนโลยีนี้ไปออกแบบทางสถาปัตยกรรม เพื่อประยุกต์ใช้กับครัวเรือนหรือชุมชนได้ใช้ง่ายและสะดวก เป็นการประหยัดงบประมาณในการใช้พลังงานทดแทน และรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง