Abstract:
การบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามพระราชบัญญัติแก้ไข เพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 19)พ.ศ. 2550 ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราที่มีมาแต่ดั้งเดิม ทั้งนี้แต่เดิมนั้นผู้กระทำความผิดฐานข่มขืน กระทำชำเราต้องเป็นเพศชายกระทำการข่มขืนกระทำชำเราต่อเพศหญิงด้วยวิธีการตามธรรมชาติ และการกระทำจะเป็นความผิดเมื่อหญิงนั้นมิใช่ภริยาของผู้กระทำ แต่ต่อมาเมื่อได้มีการแก้ไข เพิ่มเติมบทบัญญัติความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรา 276 ทำให้ผู้กระทำความผิดเเละ ผู้เสียหายในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง และโดยผลของการตัด คำว่า “ซึ่งมิใช่ภริยาตน” ออก ทำให้สามีหรือภริยาที่บังคับขืนใจคู่สมรสของตนให้ร่วมประเวณี ด้วยอาจมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา นอกจากนี้การแก้ไขบทบัญญัติในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราโดยการกำหนด ความหมายของ “การกระทำชำเรา” ให้ขยายขอบเขตไปเพื่อลงโทษการกระทำในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะของการกระทำความผิดฐานอนาจารมากกว่าการร่วมประเวณีนั้นจะทำให้ยากต่อการ วินิจฉัยความผิดและยังไม่น่าจะตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งคุ้มครองเพศหญิงจากการ ล่วงเกินทางเพศโดยชายโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม จะเห็นว่ากฎหมายมุ่งคุ้มครองหญิงซึ่งเป็นเพศที่ อ่อนแอกว่าและเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ และการกำหนดให้การข่มขืนกระทำชำเราระหว่างคู่สมรสเป็น ความผิดนั้นอาจมีผลกระทบต่อความสงบสุขของสถาบันครอบครัว ดังนั้นผู้เขียนเห็นว่าควรยกเลิก บทบัญญัติความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราดังกล่าว และหากรัฐต้องการคุ้มครองการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับเพศในรูปแบบอื่นก็ควรจะบัญญัติแยกออกมาเป็นฐานความผิดใหม่เพื่อมิให้เกิด ความสับสนในการบังคับใช้กฎหมายและการตีความ นอกจากนี้หากจะมีการกำหนดให้การข่มขืน กระทำชำเราภริยาเป็นความผิดก็ควรจะมีเงื่อนไขว่าต้องได้กระทำในขณะที่แยกกันอยู่โดยความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายด้วยสาเหตุที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขหรือแยกกันอยู่โดยคำสั่ง ของศาลซึ่งเป็นเหตุอย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516