Abstract:
ศึกษาผลการทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงต่อการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมของไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมจำแนกตามกิจกรรมการผลิต คือ อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ รวมทั้งในแต่ละอุตสาหกรรม ด้วยวิธี Panel Co-integration สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม และวิธี Co-integration สำหรับแต่ละอุตสาหกรรม จากข้อมูลรายเดือนตั้งแต่ปี 2543 ถึงปี 2550 ซึ่งได้นำแนวคิดทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างการจ้างงานกับอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง ณ ตลาดแรงงานดุลยภาพ มาใช้ในการศึกษา ผลการศึกษาพบว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงมีความสัมพันธ์เชิงดุลยภาพในระยะยาวกับการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รวมทั้งกรณีสมมติให้สัมประสิทธิ์การถดถอยของทุกอุตสาหกรรมเหมือนกันและแต่ละอุตสาหกรรมมีสัมประสิทธิ์การถดถอยแตกต่างกัน ทั้งในการศึกษาอุตสาหกรรมภาพรวม และกลุ่มอุตสาหกรรมจำแนกตามกิจกรรมการผลิต ส่วนการศึกษาในแต่ละอุตสาหกรรมมีความสัมพันธ์เชิงดุลยภาพในระยะยาวเช่นเดียวกัน โดยพบว่าผลของการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงที่มีต่อการจ้างงานในภาพรวมอุตสาหกรรม คือ -0.35 เมื่อจำแนกตามกิจกรมการผลิตอุตสาหกรรมที่มีขนาดการตอบสนองมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน คือ -0.53 รองลงมาคือ อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ และอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี คือ -0.24 และ -0.11 ตามลำดับ ส่วนในรายอุตสาหกรรมพบว่า หมวดอุตสาหกรรม ISIC 19 การฟอกและตกแต่งหนังฟอก รวมทั้งการผลิตกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ อานม้า เครื่องเทียมลาก และรองเท้า คือ -0.84 ซึ่งมีการขนาดการตอบสนองมากที่สุดซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน เนื่องมาจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีการสัดส่วนของทุนต่อแรงงานต่ำ มีแรงงานเป็นกำลังการผลิตที่สำคัญ และหมวดอุตสาหกรรม ISIC 27 การผลิตโลหะขั้นมูลฐานมีค่าเท่ากับ -0.08 มีขนาดการตอบสนองน้อยที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีโดยมีสัดส่วนของการทุนต่อแรงงานสูง มีการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการผลิต ซึ่งอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนของทุนต่อแรงงานต่ำมีการใช้แรงงานเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญจะได้รับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงมากกว่าอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนของทุนต่อแรงงานสูงในด้านการจ้างงาน งานวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สำคัญ คือ ควรนำผลกระทบที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมมาประกอบการพิจารณานโยบายการควบคุมการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันปัญหาการว่างงานในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแรงงานเป็นกำลังสำคัญในการผลิต เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ไม้ และไม้ และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น