Abstract:
โรคลมพิษเรื้อรัง (chronic urticaria) เป็นโรคที่ก่อความรำคาญให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ลักษณะการดำเนินโรคของ โรคลมพิษเรื้อรังมีลักษณะที่เป็นค่อนข้างนาน โดยส่วนใหญ่แล้วมักไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้ ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโรคของโรคนี้ยังมีค่อนข้างจำกัด ในการศึกษานี้จึงเป็นการศึกษาเพื่อดูถึงการดำเนินโรคของโรคลมพิษเรื้อรังในผู้ป่วยที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบ cross-sectional retrospective study โดยมีการคัดกรองผู้ป่วยโรคลมพิษทั้งหมดที่มารับการรักษาตามรหัส ICD-10TM ในช่วงปี 2546 ถึง 2549 รวมผู้ป่วยทั้งหมด 1,413 คน คัดผู้ป่วยโรคลมพิษเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์โรคผิวหนังหรือแพทย์โรคภูมิแพ้ และผู้ป่วยที่ไม่สามารถติดตามได้ ออก คงเหลือผู้ป่วยที่อยู่ในการศึกษาจำนวนทั้งหมด 291 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็น ร้อยละ 75.9 โดยมีอายุเฉลี่ยของการเกิดโรคคือ 32.83 ปี ค่าพิสัยอยู่ในช่วง 2-76 ปี และช่วงระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการของโรคลมพิษเฉลี่ยอยู่ในช่วง 2.65 ปี (พิสัย 3 เดือน ถึง 31 ปี) โดยพบว่าผู้ป่วยในกลุ่มนี้มีประวัติโรคภูมิแพ้ ทั้งของตนเองและประวัติโรคภูมิแพ้ของคนในครอบครัวคิดเป็นร้อยละ 10.0 และ 17.2 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยจำนวนร้อยละ 65.3 (190 คน) ไม่สามารถระบุสาเหตุหรือปัจจัยในการกระตุ้นให้เกิดอาการได้ อย่างไรก็ตามในจำนวนของผู้ป่วยที่สามารถระบุถึงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้ พบว่าอาหารเป็นปัจจัยที่พบมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 11.0 เมื่อศึกษาถึงการตอบสนองต่อการรักษาพบว่าผู้ป่วยจำนวนร้อยละ 41.2 สามารถหายขาดจากอาการของโรคลมพิษได้ โดยที่ช่วงระยะเวลาของการหายนับถึงวันที่ทำการสอบถามทางโทรศัพท์ มีค่ามัธยฐาน คิดเป็น 2.0 ปี (พิสัย 6 เดือน ถึง 5 ปี) และพบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการหายของผู้ป่วยมี 4 ปัจจัย คือ เพศหญิง การมีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้ การมีประวัติของโรคภูมิแพ้ในครอบครัว การมี angioedema ร่วมด้วย โดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ส่วนอายุของผู้ป่วยในกลุ่มที่หายขาดและกลุ่มที่ไม่หายขาดพบว่าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (32.45 และ 36.36 ปี) ในด้านของการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่า มีการส่งตรวจ complete blood count มากที่สุด รองลงมาคือ stool exam ผลปรากฏว่าพบพยาธิและหรือไข่พยาธิ จำนวน 9 ราย จากการส่งตรวจ 127 ราย โดย มี Giardia cyst 3 ราย Strongyloides stercoralis 2 ราย Ascaris lumbricoides 1 ราย Hook worm eggs 1 ราย และ Opisthorchis viverini eggs 2 ราย ผู้ป่วยที่พบการติดเชื้อพยาธิ หลังการรักษาการติดเชื้อแล้ว พบอัตราการหายจากอาการของโรคลมพิษ ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยที่มีผล positive ต่อการทำ autologous skin test จำนวน 2 ใน 8 ราย ในด้านของการให้การรักษาพบว่าผู้ป่วยจำนวนร้อยละ 82.8 ได้รับ H1 anti-histamine เพียงอย่างเดียว โดยเป็นการใช้ยา antihistamine ร่วมกันระหว่างยารุ่นเก่าและยารุ่นใหม่มากถึงร้อยละ 57.5 และมีการยาร่วมกันระหว่าง H1 และ H2 anti-histamines ร้อยละ8.9 นอกจากยาเหล่านี้แล้ว ยังมียาอื่นๆที่ได้รับเพื่อการรักษาด้วย เช่น prednisolone, doxepine และ anti-parasitic drugs เป็นต้น โดยสรุป โรคลมพิษเรื้อรังในผู้ป่วยที่มารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีอัตราการหายคิดเป็นร้อยละ 41.2 ซึ่งได้ผลใกล้เคียงกับการศึกษาอื่นๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุหรือปัจจัยกระตุ้น แต่พบว่ามีปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการหายจากโรคลมพิษเรื้อรังอยู่ 4 ปัจจัย คือ เพศหญิง การมีประวัติโรคภูมิแพ้ทั้งของตนเองและบุคคลในครอบครัว และการมีอาการ angioedema ร่วมด้วย เนื่องจากการศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง จึงมีข้อจำกัดหลายประการ ดังนั้นการศึกษาในลักษณะของ prospective study เพื่อหาวิธีการรักษาให้โรคลมพิษเรื้อรังมีอัตราการหายขาด หรือหายนานมากขึ้น จึงเป็นสิ่งจำเป็น