Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เปรียบเทียบกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ว่าหากมีการใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่แล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายและจะสามารถอุดช่องว่างทางกฎหมายของพระราชบัญญัติฉบับเดิมได้หรือไม่เพียงใด และจะมีแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่อย่างไรเพื่อให้เกิดความชัดเจนและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
จากการศึกษาวิจัยพบว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้ยังคงมีความไม่ชัดเจนของกฎหมาย และไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรืออุดช่องว่างทางกฎหมายที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้น ผู้วิจัยจึงเห็นว่ากระทรวงการคลังควรที่จะต้องเร่งทำการศึกษาและปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวอีก ตลอดจนกฎกระทรวงและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะมีการนำร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้ประกาศใช้บังคับต่อไป โดยมีแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ดังนี้
1) ในเรื่องของบทนิยามศัพท์ ควรที่จะยกเลิกบทนิยามศัพท์ของคำว่า “กิจการของรัฐ” “โครงการ” และ “ร่วมงานหรือดำเนินการ” ดังกล่าวที่คลุมเครือและขาดความชัดเจนซึ่งทำให้เกิดปัญหาการตีความ โดยบัญญัติลักษณะของโครงการที่เข้าข่ายจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฉบับนี้แทนเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าโครงการประเภทใดบ้างที่เข้าข่ายจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฉบับนี้
2) จำนวนมูลค่าขั้นต่ำของโครงการที่เข้าข่ายจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดนั้น ควรที่จะกำหนดจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาทเพราะปัจจุบันมูลค่าของโครงการที่มีการให้เอกชนเข้าร่วมงานส่วนใหญ่จะมีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายฉบับเดิมกำหนดและเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจและการลงทุนในปัจจุบัน
3) การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข หรือวิธีการในการคิดคำนวณมูลค่าการลงทุนในโครงการ โดยการใช้หลักการ Market Approach หลักการ Cost Approach และหลักการ Income Approach ประกอบกันเพื่อประเมินมูลค่าทรัพย์สินให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นที่ยอมรับของทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ
4) ควรที่จะต้องมีการกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ว่าจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนที่เข้ามาร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐสามารถที่จะวางแผนงานการดำเนินธุรกิจล่วงหน้าเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งฝ่ายภาครัฐและภาคเอกชน
5) กำหนดถึงผลของสัญญาร่วมงานที่มิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ให้ถูกต้องตามที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนด โดยให้ถือว่าไม่มีผลผูกพันคู่สัญญาเฉพาะส่วนหรือเฉพาะการดำเนินการที่มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งหากเมื่อตรวจพบก็อาจแก้ไขให้ถูกต้องได้โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเฉพาะที่แต่งตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการนั้นต่อไป