Abstract:
จากการศึกษาพบว่า แม้ว่าประเทศไทยจะได้มีมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยกำหนดมาตรการรายงานธุรกรรมมาบังคับใช้กับสถาบันการเงิน สำนักงานที่ดิน และผู้ประกอบอาชีพหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนก็ตาม แต่ในปัจจุบัน อาชญากรนักฟอกเงินก็ได้พยายามหาวิธีหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและติดตามจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยหันใช้องค์กรธุรกิจอื่นที่มีเงินหมุนเวียนสูง รวมทั้งผู้ประกอบวิชาชีพบางประเภทมาเป็นช่องทางในการกระทำความผิดฐานฟอกเงินแทน เช่น ธุรกิจซื้อขายหรือเช่าซื้อรถยนต์ ธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจค้าทองคำ อัญมณีและเครื่องประดับ ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ นักบัญชี ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับกับบรรดาธุรกิจที่มีความเสี่ยงทั้งหลายเหล่านี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการตัดช่องทางในการกระทำความผิดของนักฟอกเงินให้ครอบคลุมทุก ๆ ด้าน และเพื่อให้ปรากฏ “ร่องรอยทางกระดาษ” อันจะทำให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทราบถึงความเคลื่อนไหวของเส้นทางการเงินของนักฟอกเงิน และสามารถตรวจสอบความผิดปกติของธุรกรรมที่เกิดขึ้น ตลอดจนสืบสวนไปถึงต้นตอของการกระทำความผิดได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงสมควรต้องมีการบังคับใช้มาตรการรายงานธุรกรรมกับหน่วยธุรกิจหรือผู้ประกอบวิชาชีพที่มิใช่สถาบันการเงินที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพราะการกระทำความผิดฐานฟอกเงินไม่เพียงแต่แต่เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงเท่านั้น หากแต่ยังคุกคามต่อความสงบและความมั่นคงของมนุษย์ และถือเป็นความผิดทางอาญาระหว่างประเทศอีกด้วย