Abstract:
แม้ว่ารัฐสามารถใช้อำนาจในการลด ยกเว้น หรือเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรที่จะจัดเก็บแก่สินค้าต่างๆ ให้แตกต่างไปจากอัตราที่กำหนดไว้ใน พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ได้ โดยการออกประกาศกระทรวงการคลัง โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดดังกล่าว เช่น อาศัยอำนาจตามมาตรา 12 หากเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อความผาสุกของประชาชน หรือเพื่อความมั่นคงของประเทศก็ตาม แต่การใช้อำนาจตามกฎหมายดังกล่าว จะต้องพิจารณาควบคู่ไปกับพระราชบัญญัติศุลกากร และจะต้องใช้ให้ไม่ขัดกับพระราชบัญญัติศุลกากรด้วย เมื่อพระราชบัญญัติศุลกากรมีหลักการในเรื่องของ การจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนทุกประเภทว่าให้เก็บภาษีศุลกากรขาเข้า แก่ของที่นำออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อบริโภคในประเทศ และให้ยกเว้นภาษีศุลกากรขาเข้าและขาออกแก่ของ ที่นำออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อส่งออก ดังนั้น การออกอนุบัญญัติได้แก่ประกาศกระทรวงการคลังโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 และระเบียบปฏิบัติกรมศุลกากรเพื่อยกเว้นภาษีศุลกากร แก่ของที่นำออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากร สำหรับผู้โดยสารขาเข้าเพื่อบริโภคในประเทศจึงไม่สามารถทำได้ เพราะไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายศุลกากร และไม่สอดคล้องกับหลักความชอบด้วยกฎหมายของอนุบัญญัติ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายศุลกากร เพื่อให้การจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากร สำหรับผู้โดยสารขาเข้าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และส่งเสริมความเป็นนิติรัฐของประเทศต่อไป