Abstract:
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อที่มีบทบาทสำคัญในการแพร่ภาพ เสียง และข้อความที่เป็นทั้ง
สาระและความบันเทิง เปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นสาธารณะได้ดีกว่า
สื่อประเภทอื่น แต่ข้อเสียของสื่อประเภทอินเทอร์เน็ตคือ การเข้าไปควบคุมเนื้อหาสาระเป็นไป
ได้โดยยาก เนื่องจากเป็นสื่อที่ไม่ต้องขออนุญาตในการแพร่ภาพและเสียง และกฎหมายที่เข้า
ไปควบคุมเนื้อหาสาระและกระบวนการนำสื่อออกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตยังไม่สามารถบังคับ
ใช้ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการค้าประเวณีบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งแม้
กฎหมายของไทยได้มีการกำหนดให้การค้าประเวณีเป็นความผิดอาญา ตามพระราชบัญญัติ
ป้องกันและ ปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 แต่กฎหมายฉบับนี้ก็ยังไม่สามารถบังคับ
ใช้กับกรณีที่มีการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการค้าประเวณีได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กฎหมายของประเทศไทยที่สามารถควบคุมการกระทำความผิดโดยใช้
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่มีความเป็นรูปธรรมที่สุดมีเพียง พระราชบัญญัติว่าด้วยการ
กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งจะมีมาตรการพิเศษให้อำนาจพนักงาน
เจ้าหน้าที่ในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากความผิดฐานการค้าประเวณี
บนอินเตอร์เน็ตไม่ได้ถูกระบุให้เป็นฐานความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จึงทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการสืบสวนสอบเกี่ยวกับ
การค้าประเวณีบนอินเตอร์เน็ตไม่สามารถนำมาตรการพิเศษดังกล่าวมาใช้บังคับได้ ซึ่งทำให้
ประสิทธิภาพในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงได้เกิดแนวความคิดที่จะทำให้พนักงานเจ้าที่ผู้มีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน
เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานการค้าประเวณีบนอินเตอร์เน็ต สามารถนำมาตรการพิเศษตาม
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาใช้บังคับกับกรณี
การค้าประเวณีบนอินเตอร์ได้ เพื่อให้การดำเนินการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิด
ฐานการค้าประเวณีบนอินเตอร์เน็ตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด