Abstract:
ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร อันเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของชุมชนในท้องถิ่น การปรับใช้กฎหมายและมาตรการทางกฎหมายให้ความคุ้มครองนักท่องเที่ยวเชิงเกษตรในปัจจุบันกระจัดกระจายอยู่ตามกฎหมายฉบับต่างๆ ทำให้การปรับใช้กฎหมายให้ความคุ้มครองนักท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ผ่านมาไม่มีเอกภาพ ประกอบกับสภาวการณ์ในปัจจุบันธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรยังมิได้มีระบบการบริหารจัดการที่ถูกต้องและเหมาะสม เป็นเหตุให้ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ นำมาซึ่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม และเป็นอุปสรรคในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศให้มีคุณภาพและมีความยั่งยืน จากที่ได้วิเคราะห์ข้อมูลมาทั้งหมดแล้ว แม้ว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 และ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 เป็นกฎหมายที่นำมาปรับใช้กับการให้ความคุ้มครองนักท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ดีกว่ากฎหมายฉบับอื่น แต่กฎหมายฉบับดังกล่าวยังมีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมกับการให้ความคุ้มครองนักท่องเที่ยวเชิงเกษตร ดังนั้น ภาครัฐควรบัญญัติกฎหมายเพื่อให้ความคุ้มครองนักท่องเที่ยวเชิงเกษตรไว้เป็นการเฉพาะ (Sui generis) รวมถึงกำหนดให้มีกลไกในการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรของประเทศให้มีเอกภาพตลอดจนเพื่อให้มีระบบการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างถูกต้องและเหมาะสม อันเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเป็นการส่งเสริมและสร้างความสมดุลให้กับธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรในประเทศไทยให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน