Abstract:
ผลการศึกษาวิจัยพบว่าการที่กฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมืองส่งผลต่อระบบพรรคการเมือง ระบบการเลือกตั้ง และเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน กล่าวคือ มาตรการดังกล่าวต้องการให้ระบบพรรคการเมืองไทยมีความเข้มแข็ง ป้องกันปัญหาการย้ายพรรคของ ส.ส. แต่จากการศึกษาพบว่าไม่ได้ลดปัญหาการย้ายพรรคได้เพราะแม้ ส.ส. ย้ายพรรคการเมืองคนเดียวไม่ได้แต่สามารถย้ายเป็นหมู่คณะโดยการยุบรวมพรรคการเมืองได้ นอกจากนั้นยังส่งผลให้กลุ่มบุคคลที่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคหรือนายทุนของพรรคเข้าที่มีอิทธิพลกับพรรคการเมืองและผู้สมัครในการคัดเลือกบุคคลลงสมัครและการปฏิบัติหน้าที่ ในส่วนของระบบการเลือกตั้งนั้น การกำหนดให้ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมืองทำให้เกิดความลักลั่นของระบบหากเปรียบเทียบกับระบบการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ไม่ได้กำหนดให้ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมืองโดยปล่อยให้ระบบการเลือกตั้งพัฒนาไปตามกลไกของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นการนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ยังเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งในการลงสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งด้วย ดังนั้น จึงเห็นว่าควรยกเลิกการที่กฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องสังกัดพรรคการเมือง โดยให้อิสระแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เลือกว่าต้องการจะลงสมัครแบบอิสระหรือในนามพรรคการเมือง โดยยังให้การสนับสนุนแก่พรรคการเมืองและผู้สมัครในนามพรรคด้วย ซึ่งการดำเนินการแบบนี้จะทำให้การสังกัดพรรคเป็นไปตามกลไกของระบบไม่ใช่เป็นไปโดยการบังคับโดยผลของกฎหมาย สำหรับรูปแบบในการให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งอิสระเห็นว่าควรให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งนั้นๆ รับรองผู้สมัครเสียก่อน เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้สมัครคนนั้นจะได้คะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งการให้ประชาชนรับรองเป็นการให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งนั้นคัดกรองบุคคลที่จะมาเป็นผู้แทนของตนและยังเป็นการป้องกันไม่ให้มีการลงสมัครจนเฟ้อ