Abstract:
การตีความคำว่า “บริการ” ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 ให้หมายรวมถึง “บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ” มีความเหมาะสมกับความรับผิดของแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐหรือไม่ และสอดคล้องกับหลักการในเรื่องบริการสาธารณะตามกฎหมายมหาชนหรือไม่ จากการศึกษาพบว่าคำว่า “บริการ” ที่ได้รับการวินิจฉัยให้เป็นคดีผู้บริโภคจะไม่คำนึงว่าผู้ให้บริการเป็นใครและดำเนินกิจการเพื่อวัตถุประสงค์หรือประโยชน์อย่างไรนั้น ไม่มีความเหมาะสม เหตุผลคือ การพิจารณาให้ “บริการที่ดำเนินการโดยมุ่งหวังผลกำไร” กับการให้ “บริการสาธารณะ” ที่จัดทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมีความหมายเป็นอย่างเดียวกันนั้น ขัดกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติฉบับนี้ที่ตราขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในการดำเนินคดีของผู้บริโภคที่มักอยู่ในสถานะด้อยกว่าผู้ประกอบธุรกิจและมีค่าเสียหายเชิงลงโทษเพื่อป้องปราบผู้ประกอบธุรกิจที่มุ่งเอารัดเอาเปรียบ ในขณะที่มุมมองของผู้เขียนตามหลักกฎหมายมหาชน เห็นว่า “บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ” เป็น “บริการสาธารณะ” เพราะเป็นกิจการที่รัฐจัดทำขึ้นเพื่อสนองความต้องการส่วนรวมของประชาชน และยังเป็นบริการสาธารณะที่แตกต่างจากบริการสาธารณะประเภทอื่นจึงไม่สามารถหยุดให้บริการได้ และลักษณะของงานต้องอาศัยคุณธรรมและจริยธรรมทางวิชาชีพที่สูง แพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐมีฐานะเป็น “ข้าราชการ” จึงมีความรับผิดตามกฎหมายเฉพาะ คือ วินัยข้าราชการ การตีความให้บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐเป็นบริการในคดีผู้บริโภคจึงไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายมหาชน จึงควรมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 ไม่ให้บังคับไปถึง “บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ” และควรมีกฎหมายที่มีระบบชดเชยความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ที่ไม่ต้องพิสูจน์ความผิด ตลอดจนส่งเสริมให้มีการจัดให้มีระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐกับผู้รับบริการทางการแพทย์