Abstract:
ปัญหาสุขอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากสารเคมี ทำให้ประชากรของโลกมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรงเพิ่มมากขึ้น สหภาพยุโรปจึงมีแนวคิดในการควบคุมการจัดการสารเคมีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการรวบรวมสาระสำคัญของกฎหมายควบคุมสารเคมีที่มีอยู่เดิมมากกว่า 40 ฉบับ ออกเป็นกฎหมายฉบับใหม่ที่เรียกว่า REACH โดยมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสารเคมี การบังคับใช้กฎหมายจะต้องไม่เป็นการเลือกปฏิบัติระหว่างตลาดสารเคมีภายในสหภาพยุโรป และตลาดสารเคมีระหว่างประเทศ โดยกำหนดให้สารเคมีทุกชนิดที่นำเข้ามาในสหภาพยุโรปที่มีปริมาณตั้งแต่ 1 ตันต่อปีขึ้นไปจะต้องดำเนินการจดทะเบียน สารเคมีก่อนที่จะนำมาผลิตหรือใช้ จากการศึกษาวิจัยพบว่า การจดทะเบียนสารเคมีจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราสูงตามที่กำหนด การจดทะเบียนสำหรับผู้ผลิต ผู้นำเข้าที่อยู่นอกสหภาพยุโรปต้องให้ผู้รับมอบ อำนาจทำการแทนเฉพาะดำเนินการ ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นอุปสรรคที่ไม่จำเป็นต่อการค้า และก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้ผลิตและผู้นำเข้าสารเคมี ทำให้ราคาสารเคมีสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนสารเคมีตาม REACH ไม่ขัดต่อตามความตกลง TBT และข้อยกเว้นทั่วไปตามมาตรา 20 (b) ของ GATT เนื่องจากเป็นการดำเนินมาตรการเพื่อคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของ มนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม จากอันตรายของสารเคมี การจัดการสารเคมีของไทยมีพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายหลัก แต่เนื่องจากความซับซ้อนของการจัดการในระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบวัตถุอันตรายแต่ละชนิด จึงควรที่จะนำกฎหมาย REACH มาเป็นต้นแบบในการจัดการวัตถุอันตรายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการป้องกันการย้ายฐานการผลิตสารเคมีอันตรายเข้ามาในประเทศไทย