Abstract:
เชื้อไวรัสพีอีดีจัดอยู่ใน family Coronaviridae พบว่า full length membrane (M) gene เป็นยีนในอุดมคติที่มีความเหมาะสมในการโคลนและการสร้างโปรตีน เพื่อนำโปรตีนมาพัฒนาเป็นแอนติเจนสำหรับตรวจการสัมผัสเชื้อไวรัสพีอีดีด้วยวิธีทางซีรัมวิทยา ในปัจจุบันมีการศึกษา M gene ของเชื้อไวรัสพีอีดี (PEDV-M gene) สายพันธุ์ที่แยกได้ในประเทศไทยไม่มากนัก ผู้วิจัยจึงสนใจการโคลน PEDV-M gene ของเชื้อไวรัสพีอีดีสายพันธุ์ที่แยกได้ในประเทศไทย ผ่านระบบเชื้อแบคทีเรีย E. coli และศึกษาลำดับเบส โดยเริ่มจากการสกัดแยก total RNA ของเชื้อไวรัสพีอีดีออกจากลำไส้เล็กของลูกสุกรแรกเกิดที่ติดเชื้อจากฟาร์มสุกร จังหวัดราชบุรี เดือนมกราคม พ.ศ. 2551 เพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมส่วน PEDV-M gene ด้วยวิธี RT-PCR และโคลนเข้าสู่ pCR®8/GW/TOPO® vector แล้ว subcloned เข้า pGEX-4T-2 expression vector ผลการศึกษาพบว่า สามารถตรวจพบการเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมส่วน PEDV-M gene ของเชื้อไวรัสพีอีดีสายพันธุ์ที่แยกได้จากจังหวัดราชบุรีได้สำเร็จ และสามารถสร้าง pGEX-4T-2CU/VET/MED/001PECV-M recombinant plasmid ถึง pGEX-4T-2CU/VET/MED/006PEDV-M recombinant plasmid ได้จำนวน 6 clones จากทั้งหมด 10 clones จากการศึกษาลำดับเบสของ PEDV-M gene ที่เตรียมจาก RT-PCR และ PEDV-M gene ใน recombinant plasmids ที่ศึกษา พบว่ามีลำดับเบสของยีนดังกล่าวเหมือนกัน คือ มีจำนวน 1 open reading frame ขนาด 681 bp เมื่อเปรียบเทียบลำดับเบสกับ PEDV-M gene ของเชื้อไวรัสพีอีดีสายพันธุ์ที่มีรายงานใน GenBank พบว่ามีความคล้ายกับสายพันธุ์ในประเทศไทย 96.6-100% สายพันธุ์ในประเทศจีน 97.2-99.1% สายพันธุ์ในประเทศเกาหลีใต้ 97.5-97.9% สายพันธุ์ในประเทศญี่ปุ่น 98.3% และสายพันธุ์ CV777 98.2% จากการวิเคราะห์ข้อมูลลำดับเบส และ phylogenetic tree analysis พบว่า PEDV-M gene ของจังหวัดราชบุรีที่รายงานครั้งนี้มีลำดับเบสคล้ายกับ PEDV-M gene ของสายพันธุ์ในประเทศจีนมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับลำดับเบสส่วน PEDV-M gene ของสายพันธุ์ในประเทศเกาหลีใต้ ประเทศญี่ปุ่น และ CV777