Abstract:
เด็กติดเชื้อเอชไอวีมีอัตราการรอดชีวิตเพิ่มขึ้น ความร่วมมือในการรักษาเป็นหัวใจสำคัญ ช่วยลดการดื้อยา ลดอัตราการตาย และ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น การวิจัยแบบบรรยายเชิงสัมพันธ์ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความร่วมมือในการรักษาและ ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ประโยชน์ในการรักษา การรับรู้อุปสรรคในการรักษา การรับรู้สมรรถนะแห่งตน และการสนับสนุนทางสังคมกับความร่วมมือในการรักษาของเด็กวัยเรียนที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ โรงพยาบาลศูนย์ ภาคใต้ กลุ่มตัวอย่างคือ เด็กวัยเรียนที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ได้จากการสุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน จำนวน 100 คน ที่มารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลศูนย์ 4 แห่ง ในภาคใต้ ได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความร่วมมือในการรักษา แบบสอบถามการรับรู้ประโยชน์ในการรักษา แบบสอบถามการรับรู้อุปสรรคในการรักษา แบบสอบถาม การรับรู้สมรรถนะแห่งตน และ แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม ผ่านการตรวจความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน มีค่าความเที่ยงเท่ากับ .87, .74, .73,.78 และ .92 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้ 1.ความร่วมมือในการรักษาโดยรวมในเด็กวัยเรียนที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์อยู่ในระดับดี (X = 3.17, SD = 0.32) 2. การรับรู้ประโยชน์มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความร่วมมือในการรักษาในเด็กวัยเรียนที่ติดเชื้อเอชไอวี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ.01 (r = .496) 3. การรับรู้อุปสรรคในการรักษามีความสัมพันธ์ทางลบกับความร่วมมือในการรักษาในเด็กวัยเรียนทีติดเชื้อเอชไอวี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 (r = -.360) 4. การรับรู้สมรรถนะแห่งตนมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความร่วมมือในการรักษาในเด็กวัยเรียนที่ติดเชื้อ เอชไอวี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 (r = .584) 5. การสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความร่วมมือในการรักษาในเด็กวัยเรียนที่ติดเชื้อ เอชไอวี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 (r = .437).