Abstract:
แฟรนไชส์เป็นระบบธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเนื่องจากเป็นระบบช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง โดยผ่านสัญญาแฟรนไชส์ โดยหลักการแล้วผู้อนุญาตให้ใช้สิทธิในการประกอบธุรกิจ แฟรนไชส์ หรือ แฟรนไชซอร์ และผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิในการประกอบธุรกิจ หรือ แฟรนไชซีต่างได้รับผลประโยชน์จากการเข้าทำสัญญาดังกล่าว แต่ข้อสัญญาหนึ่งที่มักปรากฏในสัญญา แฟรนไชส์และก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย คือข้อสัญญาจำกัดสิทธิแข่งขันในการประกอบธุรกิจของผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมุ่งศึกษากฎหมายไทยและกฎหมายต่างประเทศที่กำกับดูแลความมีผลและการบังคับใช้ข้อสัญญาในลักษณะที่เป็นการจำกัดสิทธิแข่งขันในการประกอบธุรกิจของผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิตามสัญญาแฟรนไชส์ซึ่งไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลอันสมควร อันเป็นการไม่ส่งเสริมหรือทำลายความเจริญก้าวหน้าในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางหรือหลักเกณฑ์ในการควบคุมและกำกับดูแลข้อสัญญาจำกัดสิทธิแข่งขันดังกล่าวในสัญญาแฟรนไชส์ภายใต้กฎหมายไทย
จากการศึกษาพบว่า กฎหมายไทยที่มีอยู่และเกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลข้อสัญญาจำกัดสิทธิดังกล่าวคือพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมยังขาดความชัดเจนในเรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายและการบังคับใช้ข้อสัญญาจำกัดสิทธิแข่งขันดังกล่าวในสัญญาแฟรนไชส์อันจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายในแง่ของการหาดุลยภาพระหว่างการคุ้มครองผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้อนุญาตให้ใช้สิทธิและการจำกัดสิทธิแข่งขันของผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิโดยที่ไม่ขัดกับนโยบายสาธารณะในเรื่องการค้าเสรี
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายและการบังคับใช้ข้อสัญญาจำกัดสิทธิแข่งขันให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันโดยใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาที่เหมือนกัน ผู้เขียนจึงได้เสนอแนวทางแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมโดยอาศัยหลักที่กฎหมายต่างประเทศนำมาใช้และมีความเหมาะสมกับการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายและการบังคับใช้ข้อสัญญาดังกล่าวของสัญญาแฟรนไชส์ภายใต้กฎหมายไทยในการอธิบายหรือขยายความในเรื่องความเป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีของข้อสัญญาที่มีลักษณะดังกล่าว