Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มุ่งศึกษาถึงความจำเป็นในการคงอยู่ของพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เนื่องจากในปัจจุบันนานาอารยประเทศต่างยกเลิกกฎหมายที่มีลักษณะเข้ามาควบคุมราคาสินค้าและบริการ และปล่อยให้การค้าต่างๆเป็นไปโดยเสรี เพราะเชื่อว่าการแข่งขันเป็นกลไกที่ดีที่สุดในการปกป้องผู้บริโภค และบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตแสดงให้เห็นว่ามาตรการในลักษณะควบคุมราคาไม่อาจแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงลบตามมาอย่างมาก ทำให้ในต่างประเทศการกำกับดูแลด้วยมาตรการในลักษณะควบคุมราคาเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น แต่จะเน้นการบังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการแข่งขันอย่างสูงสุด โดยนำสินค้าไข่ไก่มาเป็นกรณีศึกษา จากการศึกษาพบว่ามาตรการที่นำมาใช้ในการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ นอกจากมาตรการทางกฎหมายแล้ว รัฐยังมีเครื่องมืออีกชนิด คือมาตรการทางบริหารซึ่งการฝ่าฝืนก็อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เมื่อการบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลด้านราคา มีผลเป็นการแทรกแซงการทำงานของกลไกราคาในการกำหนดราคาขายปลีกสินค้า ทำให้กลไกตลาดถูกบิดเบือนมิได้สะท้อนสภาวะการแข่งขันที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ดีแม้การแทรกแซงจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดสินค้าไข่ไก่ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันการแทรกแซงก็เกิดจากความจำเป็นในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผู้บริโภคมีรายได้ต่ำและขาดอำนาจต่อรอง จำเป็นที่รัฐต้องเข้ามาดูแล และมาตรการดังกล่าวยังส่งผลดีต่อผู้บริโภค แม้ในเวลาอันสั้นก็ตาม ดังนั้นผู้เขียนจึงใคร่ขอเสนอแนะว่า กฎหมายฉบับนี้ยังมีความจำเป็นสำหรับสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ควรใช้ให้น้อยลงและกำหนดกรอบการบังคับใช้ให้ชัดเจน โดยเฉพาะมาตรา 29 เพื่อให้การบังคับใช้อยู่ในขอบเขตที่จำกัดที่สุด ใช้ในช่วงเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม เพราะเป็นบทบัญญัติที่ทำลายการแข่งขัน ความเชื่อมั่นและบรรยากาศในการลงทุนของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก