Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาปัญหาการใช้น้ำในลุ่มแม่น้ำโขงและแนวทางในการใช้น้ำอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรมตามความตกลงความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง ค.ศ. 1995 ในการศึกษาพบว่า 1. ปัญหาเกี่ยวกับการใช้น้ำในลุ่มแม่น้ำโขงที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคตได้แก่ ผลประโยชน์ในการใช้น้ำที่แตกต่างกันของรัฐริมน้ำ และการที่ความตกลงความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง ค.ศ.1995 นั้น มิได้กำหนดปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาถึงสิทธิการใช้น้ำอย่างเป็นธรรมของรัฐริมน้ำแต่ละฝ่ายไว้อย่างชัดแจ้ง 2. กฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับการใช้น้ำแม่น้ำระหว่างประเทศนั้นกำหนดให้รัฐริมน้ำทุกรัฐมีสิทธิใช้น้ำในแม่น้ำระหว่างประเทศที่อยู่ภายในดินแดนของตนอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรม แต่เนื่องจากกฎหมายระหว่างประเทศไม่สามรถกำหนดได้ว่าการใช้น้ำอย่างไรและในปริมาณเท่าใดจึงจะเป็นการใช้น้ำที่สมเหตุสมผลและเป็นธรรม จึงได้กำหนดปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาไว้ โดยปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาในแม่น้ำแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไปตามลักษณะพิเศษของแม่น้ำแต่ละแห่ง และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการใช้น้ำอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรมของรัฐริมน้ำแต่ละรัฐ รัฐริมน้ำในภูมิภาคต่างๆ จึงได้มีการจัดทำความตกลงเกี่ยวกับการใช้น้ำขึ้น 3. การที่ความตกลงความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง ค.ศ. 1995 มิได้กำหนดปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาถึงการใช้น้ำอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรมของรัฐภาคีแต่ละฝ่ายไว้อย่างชัดแจ้ง ดังที่เคยปรากฏในตราสารระหว่างประเทศเกี่ยวกับการใช้น้ำในลุ่มแม่น้ำโขงที่มีมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากความตกลงฯฉบับนี้ได้กำหนดกระบวนการก่อนการใช้น้ำซึ่งเปิดโอกาสให้รัฐภาคีเข้าสู่การเจรจาและสามารถยกปัจจัยต่างๆ ขึ้นพิจารณาได้หลากหลายกว่าการที่จะกำหนดปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาไว้อย่างตายตัวในความตกลง อันทำให้ความตกลงฉบับนี้มีความยืดหยุ่นสูง แต่ก็อาจก่อให้เกิดข้อขัดข้องได้เนื่องจากรัฐแต่ละรัฐอาจจะหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะใช้ปัจจัยใดในการพิจารณา ดังนั้นจึงควรนำเอาปัจจัยหรือเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาถึงความเป็นธรรมในการใช้น้ำที่ปรากฏในงานประมวลกฎหมายระหว่างประเทศมาใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาถึงสิทธิการใช้น้ำอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรมของรัฐภาคีต่อไป