Abstract:
ในภาวะไตวายเรื้อรังจะมีของเสียโมเลกุลใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารเบต้าทูไมโครโกลบูลินคั่งในร่างกายและเชื่อว่าอาจก่อในเกิดความเจ็บป่วยตามมา การขจัดสารเหล่านี้ออกจากร่างกายด้วยการวิธีการฟอกเลือกในปัจจุบัน (high-flux hemodialysis) มีประสิทธิภาพต่ำ วิธีการฟอกเลือดที่เรียกว่า ออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่น (On-line hemodiafiltration) สามารถขจัดสารที่มีขนาดใหญ่ได้ดีกว่า รวมถึงสารเบต้าทูไมโครโกลบูลิน ยังไม่มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพของการฟอกเลือดวิธีนี้ในประเทศไทย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากลไกการขจัดสารเบต้าทูไมโครโกลบูลินโดยวิธีออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่นและศึกษาขนาดของอัตราและวิธีการให้สารน้ำที่เหมาะสมในคนไทย ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 10 ราย เป็นชาย 5 คน หญิง 5 คน (อายุเฉลี่ย 58+14 ปี) สาเหตุของไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายจากโรคเบาหวาน 2 คน ภาวะความดันโลหิตสูง 2 คน เอส แอล อี 1 คน ภาวะทางเดินปัสสาวะอุดตัน 1คน โรคถุงน้ำในไต 1 คน RPGN 1 คนและไม่ทราบสาเหตุ 2 คน ผลการศึกษาพบว่าการให้สารน้ำตำแหน่งหลังตัวกรองในอัตรา 125 มิลลิลิตรต่อนาที มีอัตราการขจัดของสารเบต้าทูไมโครโกลบูลิน 124+-13 มิลลิลิตรต่อนาที มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) เมื่อเทียบกับการให้สารน้ำในอัตรา 75 มิลลิลิตรต่อนาที ซึ่งมีอัตราการขจัด 102+-13 มิลลิลิตรต่อนาทีและมากกว่าการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูง (high-flux hemodialysis) ซึ่งมีอัตราการขจัด 45+-8 มิลลิลิตรต่อนาที (p<0.0001) และพบว่าการขจัดที่เกิดจากการดูดซับตัวกรองไม่แตกต่างกันระหว่างการให้สารน้ำทั้งสองวิธี (48+-22 และ 44+-16 มิลลิลิตรต่อนาทีในอัตรา 125 และ 75 มิลลิลิตรต่อนาทีตามลำดับ, p >0.05) กล่าวโดยสรุป การให้สารน้ำตำแหน่งหลังตัวกรองในอัตราประมาณ 125 มิลลิลิตรต่อนาทีมีความเหมาะสมสำหรับคนไทยที่ป่วยด้วยภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและการขจัดของสารเบต้าทู ไมโครโกลบูลินเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนกับขนาดของสารน้ำที่เพิ่มขึ้น