Abstract:
การวิจัยเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาถึงการกระทำความผิดฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ กรณีที่กระทำต่อเด็กและผู้เยาว์ที่เร่ร่อนไม่มีบิดา มารดา ผู้ปกครองหรือ ผู้ดูแล ซึ่งปราศจากผู้ใช้อำนาจปกครอง จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่กระทำนั้นไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวนั้นไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย จึงไม่อาจคุ้มครองเด็กและผู้เยาว์ที่เร่ร่อนได้ จากการศึกษาพบว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองว่าเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่มีผู้ดูแลมีสิทธิได้รับการเลี้ยงดู อบรมศึกษาจากรัฐ ประกอบกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและข้อตกลงระหว่างประเทศได้กำหนดให้รัฐภาคีต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการให้ความคุ้มครอง ดูแลเด็กและเยาวชนที่ไม่มีผู้ดูแล แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดบัญญัติรองรับถึงหน้าที่ของรัฐที่มีต่อเด็กและผู้เยาว์ จึงทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ได้บัญญัติไว้ การวิจัยเรื่องนี้ได้เสนอแนะให้จัดตั้งองค์การมหาชนขึ้นเพื่อส่งเสริมการคุ้มครอง ให้การศึกษาและให้ถือว่าเป็นผู้ดูแลตามกฎหมายของเด็กและผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้ดูแล รวมทั้งการเป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องคดีอาญาในความผิดฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ที่กระทำต่อเด็กและผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้ดูแล และแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ตั้งแต่มาตรา 317 ถึงมาตรา 319 ที่ว่า ผู้ใดพรากเด็กหรือผู้เยาว์ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยเพิ่มองค์ประกอบความผิดให้รวมถึง “ผู้ดูแลตามที่กฎหมายบัญญัติ” ไว้ด้วย และแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 ให้ผู้แทนขององค์การที่จัดตั้งขึ้นดังกล่าวมีอำนาจจัดการแทนองค์การ ซึ่งเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้ดูแล