Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษากระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยศึกษา เปรียบเทียบรูปแบบการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในประเทศไทยกับ ประเทศที่มีระบบการเมืองที่พัฒนามาเป็นระยะเวลานานแล้ว เพื่อวิเคราะห์ว่ากระบวนการไต่สวน ข้อเท็จจริงในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในประเทศไทย มีการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ของผู้ถูกกล่าวหาและสิทธิการต่อสู้คดีของผู้ถูกกล่าวหาเพียงพอหรือไม่ ผลการวิจัยพบว่าสิทธิเสรีภาพและสิทธิการต่อสู้คดีตามกฎหมายยังมีความบกพร่อง ยังผลให้สำนวนและความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติขาดความน่าเชื่อถือในระดับของการพิจารณาโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 310 วรรคหนึ่ง และมาตรา 332 (2) ที่ต้องการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองยอมรับการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงเสนอว่าควรต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการไต่สวน ข้อเท็จจริงคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้มีการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ถูก กล่าวหาและสิทธิการต่อสู้คดีของผู้ถูกกล่าวหาอย่างพอเพียง เพื่อให้สำนวนของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมาตรฐานความน่าเชื่อถือที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะยึดเป็นหลักในการพิจารณาคดีได้ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงมาตรการ ในการแสวงหาพยานหลักฐานที่มีประสิทธิภาพในการพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาและ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ถูกกล่าวหาควบคู่กันไปด้วย