Abstract:
มุ่งศึกษาสถานภาพด้านศาสนาและศีลธรรมใน 4 หมู่บ้านของจังหวัดระยอง นำปัญหาที่ประมวลได้มาพิจารณาแล้วทดลองประยุกต์หลักพุทธธรรมแก่ชุมชนโดยเน้นที่กลุ่มหนุ่มสาวชาวพุทธเป็นสำคัญ ประเมินผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการทดลองนี้ สถานที่ศึกษาได้แก่ ตำบลวังหว้าและทางเกวียน กลุ่มศึกษาคือประชาชนของหมู่บ้านเนินหย่องและวังหว้า ซึ่งเป็นกลุ่มทดลองของหมู่บ้านหนองกันเกราและวังหิน ซึ่งเป็นกลุ่มควบคุม ข้อมูลได้มาด้วยวิธีการสังเกต สัมภาษณ์ แบบสอบถาม และเอกสารราชการ จากแบบสอบถามหลังการทดลองชุดที่ 1 ผู้ตอบเป็นร้อยละ 9.4-18.7 ของประชากรทั้งหมดในหมู่บ้านทดลองทั้ง 2 ได้พบว่ ในเรื่องศีล ชาวบ้านลดการดื่มสุราลงและเพิ่มความมั่นใจที่จะจัดงานประเพณีในพุทธศาสนาโดยไม่มีสุรา การจัดกิจกรรมที่วัด งดอบายมุขทุกประเภทได้ทั้งหมด ทุกหมู่บ้านเข้าใจเป้าหมายการฝึกสมาธิถูกต้อง ในด้านปัญญาทีความเข้าใจในหลักธรรมมากขึ้น ยกเว้นหนองกันเกราที่ลดลงเมื่อประสบปัญหา ชาวบ้าน 3 หมู่บ้านใช้ธรรมะช่วยเพิ่มขึ้น ส่วนวังหินคงเดิม จุดมุ่งหมายของการทำบุญเพื่อบำรุงศาสนาเกือบคงเดิมในวังหินและเนินหย่อง ส่วนวังหวัาและหนองกันเกราเพิ่มขึ้น แต่คำตอบน้อยกว่าเนินหย่องก่อนการทดลอง กลุ่มทดลองคือเนินหย่องและวังหว้า ตอบว่าการรักษาศีลในชีวิตประจำวันเป็นการกระทำให้ผลบุญมากที่สุด เพิ่มขึ้นขณะที่กลุ่มควบคุมหนองกันเกราและวังหินลดลง ปัญหาศาสนาก่อนการทดลองคือการที่คนไม่สนใจศึกษาปฏิบัติธรรม ทุกหมู่บ้านหลังการทดลอง ปัญหานี้ลดลงในกลุ่มทดลอง แต่กลับมีปัญหาขาดผู้สอนธรรมมากขึ้น ผลกระทบของงานวิจัยที่มีต่อกลุ่มทดลองรวบรวมจากแบบสอบถามชุดที่ 2 ซึ่งมีผู้ตอบร้อยละ 17.9 และ 6.8 ของประชากกรทั้งหมดของเนินหย่องและวังหว้า ตามลำดับ พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คือ ชาวบ้านรู้หลักธรรมเพิ่มขึ้น ปฏิบัติธรรมมากขึ้น การเสพอบายมุขในหมู่บ้านลดลง มีการประหยัดเงินในการจัดงานประเพณีมากขึ้น ชาวบ้านยอมรับกิจกรรมปรับปรุงศาสนาศีลธรรมในท้องถิ่นอย่างที่ทำในงานวิจัยเป็นสิ่งจำเป็นร้อยละ 90 มองเห็นประโยชน์หลายประการของการตั้งกลุ่มหนุ่มสาวชาวพุทธ ในทางตรงข้ามมีผู้เห็นถึงผลเสียของงานวิจัยร้อยละ 12.8 และ 15.8 ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ชาวบ้านบางคนไม่เห็นด้วยกับการงดอบายมุขในการจัดงานประเพณีที่วัดอย่างเด็ดขาด