Abstract:
กระต่ายลูกผสมคละเพศพันธุ์นิวซีแลนไวท์กับพื้นเมือง อายุ 1 เดือน จำนวน 56 ตัว สุ่มออกเป็น 7 กลุ่มๆ ละ 8 ตัว ได้รับอาหารข้นที่มีโปรตีน 160 กรัม/กก. พลังงานย่อยได้ 3,300 กิโลแคลอรี่/กก. ของอาหาร และได้รับหญ้าขนเป็นแหล่งอาหารหยาบ โดยให้กินเต็มที่ กระต่ายกลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุม อีก 6 กลุ่มที่เหลือทำการเสริมสารปฏิชีวนะออกซีเททระไซคลินในระดับ 5 10 20 และเวอร์จิเนียไมซินในระดับ 10 20 และ 40 มก/กก. ของอาหาร ตามลำดับ ทำการบันทึกข้อมูลน้ำหนักตัว ปริมาณอาหารที่กินทุกสัปดาห์ เป็นเวลานาน 10 สัปดาห์ จากนั้นทำการสุ่มกระต่าย 4 ตัวจากแต่ละกลุ่มนำมาฆ่าเพื่อตรวจวัดคุณภาพซาก และเก็บชิ้นเนื้อบริเวณสะโพกเพื่อตรวจหาสารตกค้าง กระต่ายที่เหลือเลี้ยงต่อด้วยอาหารที่ไม่มีการเสริมสารปฏิชีวนะเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์ ทำการฆ่ากระต่ายที่เหลือเพื่อเก็บชิ้นเนื้อมาตรวจวัดสารตกค้างอีกครั้งหนึ่งโดยวิธีการ EEC-four plate แผนการทดลองเป็นแบบ Completely Randomized Design และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ Analysis of Variance และ Duncan's New Multiple Range test. ผลจากการทดลองไม่พบความแตกต่างด้านการเจริญเติบโต และประสิทธิภาพในการเปลี่ยนอาหารของกระต่ายทุกกลุ่มเมื่อคิดรวม 10 สัปดาห์ กระต่ายกลุ่มที่ได้รับสารปฏิชีวนะทั้ง 2 ชนิด มีแนวโน้มให้ผลดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัปดาห์ที่ 8 พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของน้ำหนักเพิ่ม (P<.01) และอัตราการแลกเนื้อ (P<.05) ระหว่างกระต่ายที่ได้รับเวอร์จิเนียไมซินกับกลุ่มควบคุม และในกลุ่มที่เสริมสารปฏิชีวนะ พบว่าการใช้ออกซีเททระไซคลินและเวอร์จิเนียไมซินทุกระดับให้ผลไม่แตกต่างกันแต่มีแนวโน้มว่าการใช้เวอร์จิเนียไมซินที่ระดับ 10 มก/กก. ของอาหารให้อัตราการแลกเนื้อดีที่สุด ขณะที่ให้น้ำหนักเพิ่มใกล้เคียงกับกลุ่มอื่น ทางด้านคุณภาพซากไม่พบความแตกต่างของเปอร์เซ็นต์ซากและเปอร์เซ็นต์ไขมัน แต่มีแนวโน้มว่ากระต่ายกลุ่มที่ได้รับสารปฏิชีวนะจะมีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูงกว่า และไม่พบสารตกค้างในเนื้อกระต่ายที่ได้รับสารปฏิชีวนะทุกระดับที่ไม่มีการหยุดและมีการหยุดใช้สารดังกล่าวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนฆ่า