Abstract:
งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อทำการศึกษาถึงผลกระทบของธรรมาภิบาลต่อผลการดำเนินงานของบริษัท และศึกษาว่าสภาพเศรษฐกิจและการมีส่วนร่วมในการบริหารของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างธรรมาภิบาลและผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างไร โดยวัดผลการดำเนินงานจากอัตราส่วนกำไรต่อสินทรัพย์ และ Tobin’s Q กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2541-2545 และทำการศึกษาโดยใช้ Two-stage least squares ในการวิเคราะห์ข้อมูล จากผลการศึกษาพบว่าสัดส่วนการถือหุ้นของผู้บริหารไม่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงาน สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีอิทธิพลในทางบวกต่อผลการดำเนินงานเฉพาะเมื่อใช้สัดส่วนกำไรต่อสินทรัพย์วัดผลการดำเนินงานเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างสิทธิในการควบคุมและสิทธิในกระแสเงินสดของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดไม่มีอิทธิผลต่อผลประกอบการของบริษัท แสดงว่าไม่พบหลักฐานการถ่ายเทความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดระหว่างบริษัทในเครือ สัดส่วนกรรมการอิสระไม่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงาน สัดส่วนหนี้สินมีอิทธิพลทางลบต่อผลการดำเนินงานเมื่อใช้อัตราส่วนกำไรต่อสินทรัพย์วัดผลการดำเนินงาน แต่กลับมีอิทธิพลเป็นบวกเมื่อวัดผลการดำเนินงานโดยใช้ Tobin’s Q และสภาพเศรษฐกิจไม่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างธรรมาภิบาลและผลการดำเนินงาน นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อเราใช้ Tobin’s Q วัดผลการดำเนินงาน และทำการทดสอบแบบ Two-stage least squares แล้ว บริษัทที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดมีส่วนร่วมในการบริหาร การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการถือหุ้นของผู้บริหารกลับทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทลดลง การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนหนี้สินมีส่วนให้ผลการดำเนินงานลดลงสำหรับบริษัทที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดมีส่วนร่วมในการบริหารมากกว่าบริษัทที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดไม่มีส่วนร่วมในการบริหาร