Abstract:
ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่ได้กำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนว่า การตรวจสุขภาพในผู้ที่ไม่มีอาการจำเป็นต้องตรวจคัดกรองในแบบใด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดคุ้มค่าคับรายจ่ายที่เสียไป การศึกษาเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบต้นทุน-ประสิทธิผลของการตรวจสุขภาพประจำปี ของข้าราชการในเขตกรุงเทพมหานคร ระหว่างการตรวจทุกปีตามข้อกำหนดของกระทรวงการคลัง กับการตรวจตามแนวทางราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลผลการตรวจสุขภาพประจำปีของผู้ได้รับการตรวจจากหน่วยบริการเคลื่อนที่ ของคลินิกเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในช่วงปี พ.ศ. 2542-2544 ผลการศึกษาพบว่า อัตราความชุกของความผิดปกติของผลการตรวจระดับชีวเคมีในเลือด (Blood chemistry) จะเพิ่มมากขึ้นตามอายุ เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนประสิทธิผลต่อการตรวจพบความผิดปกติ 1 รายต่อ 100 รายที่ตรวจ ของระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting blood sugar) พบว่าการตรวจทุกปีและทุก 3 ปี อยู่ระหว่าง 36,630.04-37,735.85 บาท และ 12,228.68-12,547.05 บาท ตามลำดับ และมีผู้ที่เสียโอกาสจากตรวจพบล่าช้า 1-2 ปีหากตรวจทุก 3 ปีอยู่ระหว่าง 0.21%-0.22% สำหรับคอเลสเตอรอล (Cholesterol) พบว่าต้นทุนประสิทธิผลของการตรวจทุกปี ทุก 3 ปี และทุก 5 ปี อยู่ระหว่าง 266.80-1968.50 บาท 120.74-621.89 บาท และ 70.56-372.85 บาท ตามลำดับ และมีผู้ที่เสียโอกาสจากตรวจพบล่าช้า 1-2 ปี และ 1-4 ปี อยู่ระหว่าง 5.29%-25.63% และ 10.58%-52.12% หาก ตรวจทุก 3 และ 5 ปี ตามลำดับ ส่วนไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) พบว่าต้นทุนประสิทธิผลของการตรวจทุกปี ทุก 3 ปี และทุก 5 ปี อยู่ระหว่าง13,769.36-16,393.44 บาท 4,616.27-5,416.38 บาท และ 2,785.51-4,071.24 บาท ตามลำดับ และมีผู้ที่เสียโอกาสจากตรวจพบล่าช้า 1-2 ปี และ 1-4 ปีอยู่ระหว่าง 0.98%-1.15% และ1.47%-2.29% หากตรวจทุก 3 และ 5 ปี ตามลำดับ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การตรวจสุขภาพของข้าราชการตามแนวทางของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยมีต้นทุนประสิทธิผลดีกว่า ส่วนของการถูกตรวจพบความผิดปกติล่าช้าสามารถลดผลนี้ได้โดยการซักประวัติเพื่อหากลุ่มเสี่ยงสูง