Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะศึกษาถึงบทบัญญัติต่างๆ ที่มีอยู่ในกฎหมายไทยว่ามีความครอบคลุมถึงความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรมในอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ค.ศ. 2000 ที่ประเทศไทยได้ลงนามเป็นภาคีแล้วหรือไม่ และหากจะมีการพัฒนากฎหมายของประเทศไทยเพื่อให้มีผลใช้บังคับในทางปฏิบัติได้จริงและสอดคล้องกับอนุสัญญาฯ ฉบับดังกล่าว การนำกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและประเทศฝรั่งเศสมาพิจารณาประกอบเพื่อปรังปรุงกฎหมายของประเทศไทยจะมีความเหมาะสมและเพียงพอหรือไม่เพียงใด ผลจากการศึกษาวิจัยพบว่า กฎหมายของไทยที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญาหรือในรูปกฎหมายพิเศษ ก็ยังบัญญัติครอบคลุมไปไม่ถึงการกระทำความผิดฐานนี้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยบทบัญญัติใกล้เคียงมาปรับใช้ ซึ่งไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้มีการคุกคามหรือใช้อิทธิพลข่มขู่พยานหรือผู้เสียหายเพื่อให้เกิดความกลัวและไม่มาเบิกความ ทำให้ผู้กระทำความผิดมักจะได้รับการปล่อยตัวไป มิใช่ฟังไม่ได้ว่าไม่ได้กระทำความผิด รวมทั้งการแทรกแซงการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานโดยใช้อำนาจมิชอบเพื่อให้ได้รับความได้เปรียบในกระบวนการยุติธรรม นอกจากนั้นมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายคุ้มครองพยาน การสืบพยานล่วงหน้า หรือการออกหมายจับ ฯลฯ แม้จะนำมาใช้บังคับได้ แต่ก็ไม่ใช่ฐานความผิดทางอาญา ปัจจุบันปัญหาในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติทำให้หลายประเทศต้องเพิ่มมาตรการเพื่อคุ้มครองกระบวนการยุติธรรมให้ดำเนินไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้วิจัยเสนอให้มีการพัฒนากฎหมายในความผิดฐานนี้โดยปรับปรุงแก้ไขในประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งจะสามารถใช้บังคับได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นการกระทำของบุคคลธรรมดาหรือในรูปองค์กรอาชญากรรม และยังสอดคล้องกับอนุสัญญาฯ อีกด้วย ทั้งนี้ โดยนำหลักกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและประเทศฝรั่งเศสมาพิจารณาประกอบ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนากฎหมายของไทยให้เหมาะสม