Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสถานที่ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่ง ที่มีความสำคัญในการรักษาไว้ซึ่งสิ่งที่เป็นความลับของทางราชการให้รอดพ้นจากการจารกรรมการก่อวินาศกรรมและการบ่อนทำลายอันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของรัฐ การรักษาความปลอดภัยสถานที่ทางทหารซึ่งเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการรักษาความมั่นคงของรัฐนั้น แม้จะมีกฎหมายบัญญัติคุ้มครองอยู่และมีกฎเกณฑ์ของฝ่ายปกครองรองรับการปฏิบัติก็ตาม แต่กฎหมายและกฎเกณฑ์ของฝ่ายปกครองเหล่านั้นไม่อาจนำมาปรับใช้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถจับกุมและควบคุมตัวบุคคลภายนอกที่ละเมิดระบบการรักษาความปลอดภัยสถานที่ได้เอง ทำให้การจับกุมและควบคุมตัวดังกล่าวต้องกระทำตามหลักการทั่วไป กล่าวคือ เมื่อมีบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดอาญาฐานบุกรุก ซึ่งตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ดำเนินการจับกุมและควบคุมตัว เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารไม่มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่กระทำตามกฎหมายฉบับใดแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารจึงมีสถานะ เป็นเพียงราษฎร ซึ่งต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการจับกุมและ ควบคุมตัว ไม่เช่นนั้นก็ต้องใช้หลักการป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายดำเนินการจับกุมและ ควบคุมตัวไปก่อน ซึ่งทั้งสองวิธีการนั้นทำให้เกิดปัญหาทั้งต่อการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทหารเอง และต่อการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ได้เสนอแนะให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยเขตต์ปลอดภัยในราชการทหาร พุทธศักราช 2478 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีเนื้อหาเป็นการคุ้มครองสถานที่ทางทหารโดยตรง โดยให้เพิ่มเติมบทบัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสามารถออกกฎกระทรวงแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทหารเป็นเจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ อันจะทำให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถจับกุมและควบคุมตัวบุคคลภายนอกผู้ละเมิดระบบการรักษาความปลอดภัยสถานที่ทางทหารได้ดังเช่นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา