Abstract:
การเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักของรัฐในการจัดสร้างที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2516 ก่อสร้างที่อยู่อาศัยมาแล้ว 384,605 หน่วย จนถึงปี 2553 การควบคุมงานก่อสร้างเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก ปัจจุบัน ผู้ควบคุมงานก่อสร้างที่มีประสบการณ์จำนวนมากกำลังจะเกษียณอายุ การเคหะแห่งชาติจึงเห็นความจำเป็นในการจัดการความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ของเขาเหล่านั้น วิทยานิพนธ์นี้จึงมีวัตถุประสงค์ในการจัดการความรู้เรื่องการควบคุมงานก่อสร้าง โดยการสืบค้นเอกสาร สร้างเครื่องมือเพื่อในใช้การสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ผู้ที่มีประสบการณ์ในการควบคุมงาน จำนวน 25 คน และสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงานก่อสร้างของการเคหะแห่งชาติ จากการศึกษาพบว่าลำดับขั้นตอนในการทำงานของผู้ควบคุมงานเป็นไปตามขั้นตอนในคู่มือการควบคุมงานก่อสร้างของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นตอนก่อนการก่อสร้าง 2) ขั้นตอนระหว่างการก่อสร้าง 3) ขั้นตอนหลังการก่อสร้าง แต่ประสบการณ์ที่พบส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการควบคุมงาน ปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขบ่อย คือ 1) งานตอกเข็มทำฐานรากและงานโครงสร้างใต้ดิน เป็นการแก้ปัญหาแล้วแต่กรณีที่เกิด 2) งานสถาปัตยกรรม ที่ต้องใช้แรงงานฝีมือ เป็นการแก้ปัญหาความเรียบร้อยของงาน 3) งานวางผังโครงการ เป็นปัญหาที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยแต่ส่งผลเสียหายอย่างรุนแรง และพบว่าผู้ควบคุมงานยังมีการละเลยขั้นตอนก่อนการก่อสร้าง เช่น ขาดการศึกษาภาพรวมของโครงการ เอกสารสัญญา แบบรูปรายการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่องานก่อสร้างได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ 1) ผู้ควบคุมงานบางส่วน จะใช้วิธีเขียนแบบ Shop Drawing ด้วยตนเองเพื่อเป็นการทบทวนรายละเอียดของแบบ ระยะและระดับที่ถูกต้องในการทำงาน 2) มักมีการใช้การตัดสินใจที่เกินอำนาจหน้าที่ของตนเอง ซึ่งหากเป็นงานที่เกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงของอาคารอาจมีปัญหาได้ 3) ความรู้ความชำนาญที่แตกต่างกันส่งผลให้คุณภาพงานต่างกัน ส่วนปัญหาที่เกิดจากฝ่ายผู้รับจ้าง 1) การขาดสภาพคล่องด้านการเงินส่งผลโดยตรงกับการดำเนินงานทุกด้าน 2) ขาดการประสานงานที่ดีกับฝ่ายผู้ว่าจ้างอาจเกิดเป็นข้อถกเถียงทำให้งานล่าช้าเสียหายได้ เพื่อให้การควบคุมงานก่อสร้างของการเคหะแห่งชาติมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ต้องมีการพัฒนาผู้ควบคุมงาน โดย 1) มีการจัดอบรมผู้ควบคุมงานการก่อสร้าง ทั้งแนวคิดทฤษฎีและการถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นอาวุโส อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 2) มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนข้อมูลด้านการก่อสร้าง ต้องมีระบบรายงานผลแบบ Real Time ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบการควบคุมงานอย่างรัดกุมและสามารถร่วมกันแก้ปัญหาได้ทันที 3) ปรับปรุงมาตรการในการคัดเลือกผู้รับจ้างที่มีคุณภาพเข้ามาทำงานก่อสร้าง และ 4) มีการจัดการความรู้เรื่องการบริหารงานก่อสร้างต่อไป