Abstract:
โทษประหารชีวิตเป็นโทษที่มีความเก่าแก่ที่สุดและรุนแรงที่สุด ซึ่งมีการใช้โทษดังกล่าวมาแต่โบราณกาล โดยเริ่มแรกเป็นการประหารชีวิตกันเองอย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายผู้เสียหายและฝ่ายผู้ที่กระทำความผิด ต่อมา เมื่อคนมารวมกันเป็นสังคม จึงมีการลงโทษประหารชีวิตอย่างเป็นทางการโดยรัฐ ทั้งนี้ การลงโทษประหารชีวิตเป็นการตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ในการลงโทษ โดยเป็นการแก้แค้นทดแทนแก่ผู้กระทำความผิด อีกทั้งเป็นการข่มขู่ยับยั้งมิให้ผู้อื่นกระทำความผิดในทำนองเดียวกัน และเป็นการตัดโอกาสมิให้ผู้กระทำความผิดกระทำความผิดซ้ำอีกด้วย อย่างไรก็ดี แม้โทษประหารชีวิตจะมีมาอย่างยาวนาน แต่กระบวนการในการลงโทษประหารชีวิตกลับมีวิวัฒนาการและมีการเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละสมัย ซึ่งกระบวนการในการลงโทษประหารชีวิตนั้นก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจในสมัยนั้นๆ หากแต่วิวัฒนาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากปัจจัยด้านต่างๆ ทั้งในด้านคติความเชื่อ ด้านเศรษฐกิจและทรัพยากร ด้านสังคม และด้านวิเทศสัมพันธ์ ทั้งนี้ แม้วิวัฒนาการของกระบวนการลงโทษประหารชีวิตจะเป็นไปตามปัจจัยหลายด้าน ซึ่งวิวัฒนาการดังกล่าวนั้นย่อมมิได้เป็นผลมาจากปัจจัยใดเพียงปัจจัยหนึ่ง อย่างไรก็ตามปัจจัยในแต่ละด้านนั้นก็ส่งผลต่อกระบวนการลงโทษประหารชีวิตในแต่ละสมัยที่แตกต่างกันไป กล่าวคือ ปัจจัยทางด้านคติความเชื่อ และปัจจัยด้านสังคมจะมีผลต่อกระบวนการลงโทษประหารชีวิตของประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา และกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นอย่างมาก แต่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนกลางและตอนปลาย ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและทรัพยากร รวมถึงปัจจัยด้านวิเทศสัมพันธ์จะส่งผลต่อกระบวนการลงโทษประหารชีวิตมากกว่า ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนั้นยังส่งผลต่อวิวัฒนาการของกระบวนการลงโทษประหารชีวิตในประเทศไทยมาจนปัจจุบัน