Abstract:
ศึกษาถึงความชุกของภาวะหลอดลมไวเกินในผู้ป่วยเด็ก ที่หายใยมีเสียงหวีดร่วมกับการติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจ และศึกษาลักษณะทางคลินิกที่สัมพันธ์กับภาวะหลอดลมไวเกิน ใช้การวิจัย ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ หอผู้ป่วยในภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ประชากรเป็นผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 ปี ที่หายใจมีเสียงหวีดร่วมกับการติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจ และเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระหว่าง 1 มิถุนายน 2542 ถึง 10 มีนาคม 2543 บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทั่วไป ประวัติการเจ็บป่วย ประวัติภูมิแพ้ของผู้ป่วยและครอบครัว การเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อม โดยผู้วิจัยสอบถามจากบิดามารดาของผู้ป่วยหรือผู้เลี้ยงดู ตรวจร่างกายและบันทึกอาการแสดงต่างๆ ให้คะแนนตาม clinical score โดยดูอัตราการหายใจ retraction, air entry และ wheezing รวมทั้งบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจ และปริมาณความอิ่มตัวของออกซิเจน โดยใช้เครื่อง pulse oximeterและวัดสมรรถภาพปอดก่อนและหลังพ่นยาขยายหลอดลม โดยวิธี tidal breathing เพื่อบันทึกค่าตัวแปรต่างๆ โดยที่ถ้าค่า VPTEF/VE และ TPTEF/TE เพิ่มขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 20 หรือ TEF25/PTEF เพิ่มขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 20 จะให้การวินิจฉัยว่ามีภาวะหลอดลมไวเกิน นำจำนวนผู้ป่วยที่ให้ผลบวกจากการทดสอบสมรรถภาพปอด มาคำนวณค่าความชุกและเปรียบเทียบลักษณะทางคลินิก ระหว่างกลุ่มที่มีภาวะหลอดลมไวเกินกับกลุ่มที่ไม่ตอบสนอง ต่อยาขยายหลอดลมโดยใช้ Chi-square test หรือ Fisher exact test และ Student t-test ค่า p<0.05 ถือว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการศึกษา ผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 ปี ที่หายใจมีเสียงหวีดร่วมกับการติดเชื้อเฉียบพลัน ของระบบหายใจจำนวนทั้งหมด 76 คน ที่ได้รับการตรวจสมรรถภาพปอดก่อนและหลังการพ่นยาขยายหลอดลม เพื่อวินิจฉัยภาวะหลอดลมไวเกินพบว่า มีผู้ป่วยที่ให้ผลการตรวจสมรรถภาพปอดที่ตอบสนองต่อ ยาขยายหลอดลมจำนวน 27 ราย คิดเป็นความชุกของภาวะหลอดลมไวเกินได้ร้อยละ 35.5 และพบว่าประวัติหอบหืดในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมารดา และประวัติการสูบบุหรี่ของคนในบ้านเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ ต่อการเกิดภาวะหลอดลมไวเกิน สรุปได้ว่า ความชุกของภาวะหลอดลมไวเกินในเด็ก ที่อายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 ปี ที่หายใจมีเสียงหวีดร่วมกับการติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจ มีค่าเท่ากับร้อยละ 35.5 และพบว่าประวัติหอบหืดในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมารดา และประวัติการสูบบุหรี่ของคนในบ้าน เป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะหลอดลมไวเกิน