Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของความเชื่อในศาสนา การมองโลกในแง่ดีและการฟื้นคืนได้ต่อความผูกใจมั่นในการทำงานและเพื่อศึกษาอิทธิพลของความเชื่อในศาสนา การมองโลกในแง่ดี และการฟื้นคืนได้ ต่อความผูกใจมั่นในการทำงานโดยมีความสุขในการทำงานเป็นตัวแปรส่งผ่าน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานที่ปฏิบัติงานในบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจหรือภาครัฐที่นับถือศาสนาพุทธ โดยมีอายุ 21 ปีขึ้นไป ทั้งเพศชายและเพศหญิง จำนวนทั้งสิ้น 750 คน ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยตัวแปรแฝง 5 ตัวแปร ได้แก่ ตัวแปรแฝงภายนอกความเชื่อในศาสนา ตัวแปรแฝงภายนอกการมองโลกในแง่ดี และตัวแปรแฝงภายนอกการฟื้นคืนได้ ตัวแปรแฝงภายในความสุขในการทำงานและตัวแปรแฝงภายในการผูกใจมั่นในงาน โดยตัวแปรดังกล่าววัดได้จากตัวแปรสังเกตได้ รวมทั้งสิ้น 13 ตัวแปร ข้อมูลรวบรวมโดยใช้ เครื่องมือวิจัยซึ่งเป็นแบบวัดประมาณค่ารวม 5 ตอน มีค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยงตั้งแต่ .62 ถึง .85 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยายการวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์โมเดลลิสเรล
ผลการวิจัยที่สําคัญสรุปได้ดังนี้โมเดลลิสเรลของความผูกใจมั่นในงานที่มีความสุขในการทำงานเป็นตัวแปรส่งผ่านโดยภาพรวมมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (chi square = 35.645, df = 26, p = .101, RMSEA = 0.022, RMR = 0.007, GFI = 0.993, AGFI = 0.975) ตัวแปรแฝงการมองโลกในแง่ดีมีอิทธิพลทางตรงต่อตัวแปรแฝงความสุขในการทำงานและตัวแปรแฝงการผูกใจมั่นในงาน ส่วนตัวแปรแฝงการฟื้นคืนได้มีอิทธิพลทางตรงและทางอิทธิพลทางอ้อมต่อตัวแปรแฝงความผูกใจมั่นในงานโดยมีตัวแปรแฝงความสุขในการทำงานเป็นตัวแปรส่งผ่าน