Abstract:
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการเสนอบริการให้คำปรึกษาและตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีเป็นบริการพื้นฐาน แก่ผู้รับบริการแผนกผู้ป่วยนอก ร่วมกับระบบการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอยู่ในโรงพยาบาลชุมชนเปรียบเทียบกับบริการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีที่มีอยู่ในปัจจุบัน รูปแบบการศึกษาเป็นการประเมินทางเศรษฐศาสตร์ด้วยการสร้างแบบจำลอง โดยมีข้อมูลจากการทดลองใส่มาตรการเสนอบริการให้คำปรึกษาและตรวจการติดเชื้อเอชไอวีเป็นบริการพื้นฐาน ในโรงพยาบาลชุมชนจำนวน 16 แห่ง เพื่อศึกษาประสิทธิผลและต้นทุนของมาตรการนี้ และมีการเก็บข้อมูลคุณภาพชีวิตและต้นทุนในส่วนที่ผู้ติดเชื้อและครอบครัวต้องจ่ายจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำนวน 1,277 คน โดยใช้เครื่องมือการเก็บข้อมูลต้นทุนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และประเมินคุณภาพชีวิต โดยใช้แบบวัด EuroQOL (EQ-5D และ EQ-VAS) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน และ ช่วงความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 ด้วยโปรแกรม SPSS วิเคราะห์ต้นทุน-อรรถประโยชน์ และอัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่มของมาตรการเสนอบริการให้คำปรึกษาและตรวจการติดเชื้อเอชไอวีเป็นบริการพื้นฐาน เปรียบเทียบกับบริการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในมุมมองของผู้ให้บริการและมุมมองสังคมโดยการสร้างแบบจำลอง semi-Markov model และวิเคราะห์ความไม่แน่นอนของตัวแปรในแบบจำลองด้วยการวิเคราะห์ probabilistic sensitivity analysis
ผลการศึกษาพบว่าคุณภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะไม่มีอาการ ระยะมีอาการเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไอวี และ ระยะเอดส์เต็มขั้น มีค่าเท่ากับ 0.8605, 0.8529, 0.7220 ในกลุ่มที่ยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส และเท่ากับ 0.8221, 0.7994, 0.7591 สำหรับกลุ่มที่อยู่ระหว่างการได้รับยาต้านไวรัสตามลำดับ มาตรการใหม่นี้ช่วยยืดอายุให้ยืนยาวขึ้น 5.18 วันหรือ 4.15 วันสุขภาวะต่อผู้รับบริการ 1 คนเมื่อเทียบกับบริการรูปแบบปัจจุบัน อัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่มเท่ากับ 63,588 บาท/ปีสุขภาวะที่เพิ่มขึ้น การวิเคราะห์ความไวและการวิเคราะห์กลุ่มย่อยตามอายุผู้รับบริการซึ่งมีความสัมพันธ์กับอัตราชุกและอัตราอุบัติการณ์พบว่าถ้าความเต็มใจจ่ายของผู้มีอำนาจตัดสินใจเท่ากับ 100,000 บาท/ปีสุขภาวะ มาตรการใหม่นี้จะมีความคุ้มค่าเมื่อให้บริการกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี อย่างไรก็ตามมาตรการใหม่นี้จะมีความคุ้มค่าเมื่อให้บริการกับผู้รับบริการที่อายุ 13-64 ปี ถ้าผู้มีอำนาจตัดสินใจมีความเต็มใจจ่ายให้กับมาตรการทางสุขภาพที่มีอัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่มน้อยกว่า 3 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือ 385,821 บาทต่อปีสุขภาวะ