Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพแบบวิตกกังวล การมองโลกในแง่ดี และการเห็นคุณค่าในตนเองของนิสิตมหาวิทยาลัย และทดสอบโมเดลความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพแบบวิตกกังวลกับการเห็นคุณค่าในตนเองโดยมีการมองโลกในแง่ดีเป็นตัวแปรสื่อที่เปลี่ยนแปลงตามระดับบุคลิกภาพแบบวิตกกังวล เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ มาตรวัดบุคลิกภาพแบบวิตกกังวล มาตรวัดลักษณะนิสัยในการดำเนินชีวิต และมาตรวัดการเห็นคุณค่าในตนเอง กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือ นิสิตระดับปริญญาตรีทั้งหมดจำนวน 400 คน แบ่งเป็น นิสิตชายจำนวน 200 คน และนิสิตหญิงจำนวน 200 คน ที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2550 ผลการวิจัยพบว่า 1. บุคลิกภาพแบบวิตกกังวลมีความสัมพันธ์ทางลบกับการเห็นคุณค่าในตนเอง ทั้งในกลุ่มนิสิตโดยรวม (r = -.69, p < .05) นิสิตชาย (r = -.68, p < .05) และนิสิตหญิง (r = -.71, p < .05) 2. บุคลิกภาพแบบวิตกกังวลมีความสัมพันธ์ทางลบกับการมองโลกในแง่ดี ทั้งในกลุ่มนิสิตโดยรวม (r = -.64, p < .05)นิสิตชาย (r = -.63, p < .05) และนิสิตหญิง (r = -.64, p < .05) 3. การเห็นคุณค่าในตนเองมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการมองโลกในแง่ดี ทั้งในกลุ่มนิสิตโดยรวม (r = .71, p < .05)นิสิตชาย (r = .70, p < .05) และนิสิตหญิง (r = .72, p < .05) 4. บุคลิกภาพแบบวิตกกังวลมีอิทธิพลต่อการเห็นคุณค่าในตนเองในโดยมีการมองโลกในแง่ดีเป็นตัวแปรสื่อบางส่วนโดยความสัมพันธ์นี้ไม่เปลี่ยนแปลงตามระดับบุคลิกภาพแบบวิตกกังวล ทั้งในกลุ่มนิสิตโดยรวม นิสิตชาย และนิสิตหญิง นั่นคือ 4.1 ในกลุ่มนิสิตโดยรวม บุคลิกภาพแบบวิตกกังวลมีอิทธิพลรวมต่อการเห็นคุณค่าในตนเองในระดับ β = -.69 (p < .05) โดยเป็นอิทธิพลทางตรงในระดับ β = -.40 (p < .05) และเป็นอิทธิพลทางอ้อมผ่านการมองโลกในแง่ดีในระดับ β = -.29 (Z = -9.27, p < .05) 4.2 ในกลุ่มนิสิตชาย บุคลิกภาพแบบวิตกกังวลมีอิทธิพลรวมต่อการเห็นคุณค่าในตนเองในระดับ β = -.68 (p < .05) โดยเป็นอิทธิพลทางตรงในระดับ β = -.39 (p < .05) และเป็นอิทธิพลทางอ้อมผ่านการมองโลกในแง่ดีในระดับ β = -.28 (Z= -6.30, p < .05) 4.3 ในกลุ่มนิสิตหญิง บุคลิกภาพแบบวิตกกังวลมีอิทธิพลรวมต่อการเห็นคุณค่าในตนเองในระดับ β = -.71 (p < .05) โดยเป็นอิทธิพลทางตรงในระดับ β = -.42 (p < .05) และเป็นอิทธิพลทางอ้อมผ่านการมองโลกในแง่ดีในระดับ β = -.29 (Z= -6.66, p < .05)