Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตระหนักรู้ในตนเองและกลวิธีที่ใช้ในการเผชิญปัญหา ตลอดจนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตระหนักรู้ในตนเองและกลวิธีการเผชิญปัญหาในผู้ที่เข้ารับการบำบัดสารเสพติด โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดสารเสพติดแบบผู้ป่วยใน ที่สถาบันธัญญารักษ์จำนวน 110 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป 2) แบบประเมินการตระหนักรู้ในตนเอง 3) แบบประเมินกลวิธีการเผชิญปัญหา ใช้สถิติเชิงพรรณนาเพื่ออธิบายลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านต่างๆกับการตระหนักรู้ในตนเอง และกลวิธีการเผชิญปัญหา โดยใช้สถิติไคสแควร์ วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างการตระหนักรู้ในตนเองกับกลวิธีการเผชิญปัญหา โดยใช้ค่าสหสัมพันธ์เพียร์สัน และวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกเพื่อหาปัจจัยทำนายของการตระหนักรู้ในตนเองและกลวิธีการเผชิญปัญหา
จากผลจากการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 54.5 มีการตระหนักรู้ในตนเองอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีปัจจัยที่สัมพันธ์กับการตระหนักรู้ในตนเอง ได้แก่ การใช้ยาบ้า และรูปแบบการเข้ารับการบำบัด และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ใช้การเผชิญปัญหาแบบหลีกหนีอยู่ในระดับปานกลาง มีปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ได้แก่ การใช้บุหรี่และรูปแบบการเข้ารับบำบัด ใช้การเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการปัญหาในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยที่มีความสัมพันธ์คือ จำนวนครั้งที่เข้ารับการบำบัด และแบบมุ่งแสวงหาการสนับสนุนทางสังคมในระดับสูงโดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ การศึกษา การมีคนให้ปรึกษา และปัญหาทางด้านการเงินจากการใช้สาร และเมื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร พบว่า การตระหนักรู้ในตนเองมีความสัมพันธ์กับการเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการปัญหาและแบบมุ่งแสวงหาการสนับสนุนทางสังคม แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับการเผชิญปัญหาแบบหลีกหนี
ผลที่ได้ดังกล่าวนี้ทำให้ทราบว่าการตระหนักรู้ในตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะเสริมสร้างให้มีในตัวบุคคล เพื่อช่วยให้ผู้ที่ใช้สารเสพติดมีความตั้งใจที่จะเลิกใช้สารเสพติดได้โดยเกิดจากตนเอง อีกทั้งการเสริมสร้างให้มีการเผชิญปัญหาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การมุ่งแก้ไขปัญหา และการแสวงหาการสนับสนุนทางสังคม จะทำให้ผู้ที่ใช้สารเสพติดไม่หันกลับไปใช้สารเพื่อเป็นการหลีกหนีปัญหา