Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา แรงจูงใจฝ่าสัมฤทธิ์ การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม บรรยากาศองค์การและภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของพยาบาลวิชาชีพ ศึกษาความสัมพันธ์และปัจจัยพยากรณ์ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของพยาบาลวิชาชีพ กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการในโรงพยาบาลศูนย์จำนวน 480 คน เลือกโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน แนวคิดที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ แรงจูงใจฝ่าสัมฤทธิ์ของ McClleland (1985) การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของ Kohlberg (1979) บรรยากาศองค์การของกองการพยาบาล (2543) และภาวะผู้นำการปลี่ยนแปลงของ Avolio, Bass & Jung (1999) แนวคิดทั้งหมดนำมาสร้างเครื่องมือวิจัย ซึ่งตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาและมีค่าความเที่ยงเท่ากับ .80, .50, .95 และ .93 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบเพิ่มขึ้นตอน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1.แรงจูใจใฝ่สัมฤทธิ์ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง บรรยากาศองค์การ และการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลศูนย์ อยู่ในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08, 4.03, 3.98 (ค่าคะแนน 1-5) และ 2.62 (ค่าคะแนน 1-3) ตามลำดับ 2.แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ บรรยากาศองค์การ การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม มีความสัมพันธ์กับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของพยาบาลวิชาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r = .479, .433 และ .115 ตามลำดับ p < .05) 3.ตัวแปรที่สามารถร่วมกันพยากรณ์ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของพยาบาลวิชาชีพ ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ตามลำดับดังนี้ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ บรรยากาศองค์การ โดยร่วมกันพยากรณ์ได้ ร้อยละ 33 (R2 = .330) ได้สมการในรูปคะแนนมาตรฐานได้ดังนี้ Z’ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง = .391z แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ +.329Z บรรยากาศองค์การ จากผลการวิจัย ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริหารการพยาบาลควรส่งเสริมให้พยาบาลประจำการมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในงานและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำของพยาบาลประจำการในระดับที่สูงขึ้น