Abstract:
งานศึกษาเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมไบโอดีเซลและเอทานอลร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาชิ้นนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากความต้องการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกอื่น ๆ นอกจากปิโตรเลียม ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งพลังงานหลักและต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ แหล่งพลังงานทางเลือกดังกล่าวที่ใช้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต อันได้แก่ มันสำปะหลัง อ้อย และปาล์มน้ำมันนั้น เป็นพืชที่เติบโตได้ดีเหมาะกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ตลอดจนมีความสอดคล้องกับการทำเกษตรกรรมซึ่งเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของทั้งสองประเทศ และได้พัฒนาเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่สำคัญของประเทศไทยแล้วในปัจจุบัน
งานศึกษาชิ้นนี้มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาร่วมระหว่างประเทศ โดยอาศัยศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีการเพาะปลูก เทคโนโลยีการแปรรูป และเงินทุน ของประเทศไทย ประกอบกับศักยภาพทางด้านการมีที่ดินและแรงงานจำนวนมากในกัมพูชาเป็นสำคัญ โดยศึกษาถึงความเป็นไปได้ โอกาส และข้อจำกัดของความร่วมมือทั้งในภาครัฐและเอกชน ตลอดจนศึกษาความร่วมมือที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เพื่อสังเคราะห์เป็นแนวทางการพัฒนาร่วมระหว่างทั้งสองประเทศในขั้นท้ายสุด
จากการศึกษาพบว่า ประเทศกัมพูชามีที่ดินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรมเป็นจำนวนมากและรัฐบาลมีนโยบายในการสนับสนุนการให้สัมปทานพื้นที่ทางการเกษตร ประกอบกับมีแรงงานจำนวนมากที่มีทักษะทางด้านเกษตรกรรม และโครงข่ายการคมนาคมที่ครอบคลุมพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ตลอดจนเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างประเทศที่ได้พัฒนามาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี แม้ในปัจจุบันจะได้เกิดความร่วมมือดังกล่าวแล้วโดยเฉพาะในภาคเอกชน หากแต่ยังมีปัญหาอุปสรรคที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องของกัมพูชาที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์การบังคับใช้กฎหมายที่ยังขาดประสิทธิภาพ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ไม่ราบรื่นนักซึ่งส่งผลกระทบสำคัญต่อความมั่นใจของนักลงทุน