Abstract:
ศึกษาถึงปัญหาการนำหลักกฎหมายเรื่องลูกหนี้ร่วม ตามหลักทั่วไปมาปรับใช้กับความรับผิดร่วมกันของผู้ประกอบการตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติ ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 จากการศึกษาวิจัยพบว่า กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ประกอบการทุกคนต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้เสียหาย ในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามหลักความรับผิดโดยเคร่งครัด ซึ่งการกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้เสียหายนี้ เป็นการร่วมกันรับผิดในฐานะลูกหนี้ร่วม โดยการนำหลักทั่วในเรื่องลูกหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาปรับใช้ อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติดังกล่าวกลับไม่มีความชัดเจนถึงแนวทางในการปรับใช้ไว้ว่ามีขอบเขตมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้เพราะหลักการสำคัญในเรื่อง ลูกหนี้ร่วมนั้น นอกจากหลักความรับผิดของลูกหนี้ร่วมต่อเจ้าหนี้แล้ว ยังประกอบด้วยหลักความสัมพันธ์ ระหว่างลูกหนี้ร่วมแต่ละคนกับเจ้าหนี้ และหลักความรับผิดระหว่างกันของลูกหนี้ร่วม ซึ่งในประเด็นหลังนี้ประเทศไทยยังไม่มีหลักเกณฑ์การปรับใช้กฎหมายที่เหมาะสม และขาดลำดับการพิจารณาก่อนหลังที่ชัดเจน โดยกรณีดังกล่าวแตกต่างจากกฎหมายของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งได้กล่าวถึงแนวทางในการปรับใช้ เอาไว้ในบทบัญญัติกฎหมายโดยกำหนดให้มีการนำหลักลูกหนี้ร่วม ในส่วนความรับผิดของลูกหนี้ร่วมต่อเจ้าหนี้ และความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ร่วมแต่ละคนกับเจ้าหนี้มาปรับใช้ ส่วน ความรับผิดระหว่างกันของผู้ประกอบการซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมนั้น มีแนวทางในการพิจารณาที่เป็นลำดับ ก่อนหลัง ดังนี้
1. พิจารณาตามข้อตกลงระหว่างกันของผู้ประกอบการ 2. พิจารณาตามพฤติการณ์ของ การก่อให้เกิดความเสียหาย 3. ในกรณีที่ไม่สามารถระบุตามพฤติการณ์ได้ให้พิจารณาตามส่วนแบ่งทาง การตลาด (นำมาปรับใช้แทนหลักความรับผิดเป็นส่วนเท่าๆ กัน) และ 4. พิจารณาตามหลักทั่วไปในเรื่องลูกหนี้ร่วมเป็นลำดับสุดท้าย ส่วนประเทศสหราชอาณาจักรอังกฤษนั้น แม้จะไม่ได้กล่าวไว้ในบทบัญญัติกฎหมายทุกเรื่องดังเช่น กฎหมายของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี แต่ก็มีแนวทางการพิจารณาปรับใช้กฎหมายเป็นไปในทำนองเดียวกัน ดังนั้น ผู้เขียนได้เสนอแนะหลักการในการปรับใช้กฎหมายในประเด็นนี้ของประเทศไทย ว่าควรจะใช้หลักการทำนองเดียวกันกับแนวทางการปรับใช้ของต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อการสร้างความชัดเจนในการปรับใช้กฎหมาย และเพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเป็นสำคัญ