Abstract:
เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณฟลูออไรด์ในผิวเคลือบฟัน และปริมาณฟลูออไรด์ที่เหลือในช่องปากภายหลังเคลือบฟันโดยทันตแพทย์ ด้วยฟลูออไรด์เฉพาะที่ 4 ชนิดคือ โซเดียมฟลูออไรด์ชนิดวุ้นเข้มข้นร้อยละ 2 โซเดียมฟลูออไรด์ชนิดโฟมเข้มข้นร้อยละ 2 แอซิดูเลดเตคฟอสเฟตฟลูออไรด์ชนิดวุ้นเข้มข้นร้อยละ 1.23 และแอซิดูเลคเตดฟอสเฟตฟลูออไรด์ชนิดโฟมเข้มข้นร้อยละ 1.23 ในเด็กอายุ 10-12 ปี จำนวน 80 คน ก่อนเคลือบฟลูออไรด์ได้เก็บตัวอย่างน้ำลาย โดยให้กลุ่มตัวอย่างบ้วนน้ำลายในเวลาที่กำหนด และเก็บตัวอย่างผิวเคลือบฟันบริเวณกึ่งกลางฟันด้านริมฝีปาก ของฟันตัดถาวรซี่กลางบนขวาด้วยวิธีกรดกัดตามลำดับ และทันทีหลังเคลือบฟลูออไรด์เก็บตัวอย่างน้ำลาย และผิวเคลือบฟันบริเวณกึ่งกลางฟันด้านริมฝีปาก ของฟันตัดถาวรซี่กลางบนซ้ายตามลำดับด้วยวิธีการเดิม นำสารตัวอย่างที่ได้ไปวัดปริมาณฟลูออไรด์ด้วยฟลูออไรด์อิเลกโตรด และวัดปริมาณแคลเซียมด้วยเครื่อง atomic absorption spectrophotometer ผลการวิจัยพบว่าแอซิดูเลดเตดฟอสเฟตฟลูออไรด์ชนิดโฟมเข้มข้นร้อยละ 1.23 มีประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณฟลูออไรด์ในผิวเคลือบฟัน ได้ค่าเฉลี่ย (+- ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน) เท่ากับ 3,725 (+-566) ส่วนในล้านส่วน ซึ่งมากกว่าอีก 3 ชนิดคือ โซเดียมฟลูออไรด์ ชนิดวุ้นและชนิดโฟมเข้มข้นร้อยละ 2 และแอซิดูเลดเตดฟอสเฟตฟลูออไรด์ชนิดวุ้นเข้มข้นร้อยละ 1.23 ซึ่งมีค่า 1,581 (+-380), 1,186 (+-239) และ 1,382 (+-315) ส่วนในล้านส่วนตามลำดับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณฟลูออไรด์ในผิวเคลือบฟัน ได้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำลายที่เพิ่มขึ้น พบว่ามีค่าสูงสุดคือ 500.688 (+-61.692) ส่วนในล้านส่วนในกลุ่มที่เคลือบด้วยแอซิดูเลดเตดฟอสเฟตฟลูออไรด์ ชนิดวุ้นเข้มข้นร้อยละ 1.23 รองลงมาในกลุ่มที่เคลือบด้วยโซเดียมฟลูออไรด์ชนิดวุ้นเข้มข้นร้อยละ 2 ซึ่งมีค่า 274.413 (+-24.832) ส่วนในล้านส่วน และน้อยที่สุดในกลุ่มที่เคลือบด้วยชนิดโฟมโดยไม่มีความแตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่าง กลุ่มโซเดียมฟลูออไรด์ชนิดโฟมเข้มข้นร้อยละ 2 กับกลุ่มแอซิดูเลดเตดฟอสเฟตฟลูออไรด์ชนิดโฟมเข้มข้นร้อยละ 1.23 ซึ่งมีค่า 183.220 (+-16.258) และ 148.484 (+-15.461) ส่วนในล้านส่วนตามลำดับ จากผลการวิจัยสรุปว่า แอซิดูเลดเตดฟอสเฟตฟลูออไรด์ชนิดโฟมเข้มข้นร้อยละ 1.23 มีประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณฟลูออไรด์ในผิวเคลือบฟันมากที่สุด ในขณะที่ทำให้มีปริมาณฟลูออไรด์เหลือในช่องปากน้อยกว่าชนิดวุ้น