Abstract:
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราส่วนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัว (trunk muscular strength ratio) ในนักกีฬาทีมชาติไทยที่เคยมีอาการปวดหลังระดับเอวเปรียบเทียบนักกีฬาทีมชาติไทยที่ไม่เคยมีอาการปวดหลังระดับเอว อาสาสมัครนักกีฬาทีมชาติไทยที่ผ่านเกณฑ์คัดเข้าการศึกษา จำนวน 66 คน จับคู่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันในด้าน เพศ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และประเภทกีฬา จัดแบ่งเป็นนักกีฬาที่เคยมีและไม่เคยมีอาการปวดหลังระดับเอว กลุ่มละ 33 คน นักกีฬาทุกคนวัดความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลังและทำการวัดความแข็งของกล้ามเนื้อลำตัวซึ่งเป็นการวัดชนิด isokinetic ของกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลัง โดยออกแรงก้มตัวและแอ่นลำตัวอย่างเต็มที่ 4 ครั้ง ที่ความเร็วเชิงมุม 60, 90 และ 120 องศาต่อวินาที ตามลำดับ บันทึกค่าที่มากที่สุด คำนวณเป็นค่าอัตราส่วน ผลการวิจัยพบว่า อัตราส่วนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัวในนักกีฬาที่เคยมีอาการปวดหลังมีค่า 1.32±0.39, 1.36±0.36 และ 1.30±0.38 (ความเร็วเชิงมุม 60, 90 และ 120 องศาต่อวินาที ตามลำดับ) นักกีฬาที่ไม่เคยมีอาการปวดหลังมีค่า 1.10±0.10, 1.08±0.07 และ 1.11±0.15 (ความเร็วเชิงมุม 60, 90 และ 120 องศาต่อวินาที ตามลำดับ) อัตราส่วนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัวที่ความเร็วเชิงมุมทั้ง 3 ระดับ ในนักกีฬาที่เคยมีอาการปวดหลังมีความแตกต่างจากนักกีฬาที่ไม่เคยมีอาการปวดหลังอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) โดยนักกีฬาที่เคยมีอาการปวดหลังมีอัตราส่วนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัวมากกว่า และยังพบว่าในนักกีฬาที่เคยมีอาการปวดหลังมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องมากกว่านักกีฬาที่ไม่เคยมีอาการปวดหลังแต่มีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังน้อยกว่า ด้านความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลังพบว่า นักกีฬาที่เคยมีอาการปวดหลังระดับเอวมีค่าเท่ากับ 17.47±3.50 ซม. นักกีฬาที่ไม่เคยมีอาการปวดหลังระดับเอว มีค่าเท่ากับ 19.29±2.80 ซม. โดยนักกีฬาที่เคยมีอาการปวดหลังมีความยืดหยุ่นแตกต่างกันกับนักกีฬาที่ไม่เคยมีอาการปวดหลังระดับเอว อย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) จากผลการวิจัยสรุปว่านักกีฬาที่เคยมีอาการปวดหลังมีความไม่สมดุลของความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัว โดยอัตราส่วนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัวมีความแตกต่างกันระหว่างนักกีฬาที่เคยมีและไม่เคยมีอาการปวดหลัง ดังนั้นในการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัวในนักกีฬาต้องให้ความสำคัญทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลัง เพื่อลดปัญหาความไม่สมดุลของความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัวซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของอาการปวดหลัง