Abstract:
เชื้อฮิวแมนอะดิโนไวรัสสามารถก่อโรคในมนุษย์ได้หลากหลายโรค งานวิจัยนี้ได้ศึกษาระบาดวิทยาเชิงโมเลกุลและจำแนกสายพันธุ์เชิงชีวโมเลกุลของเชื้อฮิวแมนอะดิโนไวรัสของกลุ่มประชากรในประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม 2552 ถึงเดือนธันวาคม 2555 โดยวิธีเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสชนิดนี้ด้วย Polymerase Chain Reaction โดยศึกษาจากสิ่งส่งตรวจสองชนิดคือ 1.) น้ำล้างโพรงจมูกและสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครศรีธรรมราช 2.) สิ่งส่งตรวจที่เป็นอุจจาระจากจังหวัดกรุงเทพและจังหวัดขอนแก่น พบว่าในสิ่งส่งตรวจจากน้ำล้างโพรงจมูกและสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกตรวจให้ผลบวกต่อเชื้อฮิวแมนอะดิโนไวรัส 1.04% (82/7,921) และในสิ่งส่งตรวจจากอุจจาระให้ผลบวกต่อเชื้อฮิวแมนอะดิโนไวรัส 5.84% (76/1,301) HAdV-B3 (32%) และ HAdV-C1(31%) พบมากในสิ่งส่งตรวจจากระบบทางเดินหายใจ ในการศึกษาครั้งนี้ รองลงมาคือ HAdV-C2 (13%), HAdV-C5 (12%) ในขณะที่ HAdV-F41 พบมากในสิ่งส่งตรวจจากอุจจาระถึง 25% และมีจีโนไทป์อื่นได้แก่ HAdV-C1 18%, HAdV-C2 16%, HAdV-B3 13% เด็กในช่วงวัย 0 - <3 ขวบ พบว่ามีอัตราการติดเชื้อฮิวแมนอะดิโนไวรัสมากที่สุด (63.29%) การติดเชื้อฮิวแมนอะดิโนไวรัสไม่ขึ้นกับฤดูกาลสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดปี แต่ในสิ่งส่งตรวจจากน้ำล้างโพรงจมูกและสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้สูงสุดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน สำหรับสิ่งส่งตรวจจากอุจจาระนั้นอัตราการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้สูงสุดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม และเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม จึงแนะนำให้เฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อฮิวแมนอะดิโนไวรัสในเด็กวัยขวบปีแรก และในอนาคตควรที่จะเพิ่มระยะเวลาในการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลในด้านระบาดวิทยาของไวรัสชนิดนี้สำหรับใช้ในการพัฒนาวัคซีนต่อไป