Abstract:
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและการได้รับสารอะฟลาทอกซินชนิดบี1 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดมะเร็งตับ งานวิจัยนี้จึงศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความหลากหลายทางพันธุ์กรรมของไวรัสตับอักเสบบีและการกลายพันธุ์ของยีนพี 53 ชนิด อาร์ 249 เอส ซึ่งใช้บ่งชี้การได้รับสารอะฟลาทอกซินชนิดบี1 ที่สามารถเหนี่ยวนำการเกิดมะเร็งตับในผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง โดยทำการศึกษาในกลุ่มผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง ซึ่งเป็นผู้ป่วยมะเร็งตับจำนวน 65 ราย และผู้ที่ไม่เป็นมะเร็งตับจำนวน 89 ราย วิเคราะห์การกลายพันธุ์ของไวรัสตับอักเสบบีและวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของยีนพี 53 ชนิด อาร์249เอสในซีรั่ม โดยใช้วิธีการตรวจคู่เบสโดยตรง (direct sequencing) และวิธีการตัดด้วยเอนไซม์ที่มีความจำเพาะและแยกตามความหลากหลายของความยาวสายพันธุกรรม (RFLP) ตามลำดับ ผลการศึกษาพบว่าในกลุ่มผู้ที่เป็นมะเร็งตับ มีการกลายพันธุ์ไวรัสตับอักเสบบีในส่วน basal core promoter (BCP) แบบ T1753A/G/C และ A1762T/G1764A มากกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่เป็นมะเร็งตับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และพบการกลายพันธุ์ของยีนพี 53 ชนิดอาร์ 249 เอสในซีรั่มของผู้ป่วยมะเร็งตับ คิดเป็นร้อยละ 6.2 และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นมะเร็งตับ คิดเป็นร้อยละ 3.4 เมื่อเปรียบเทียบความชุกของการกลายพันธุ์ชนิด อาร์249เอส ระหว่างสองกลุ่มพบว่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยที่ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธี multiple logistic regression analysis พบการกลายพันธุ์แบบ A1762T/G1764A เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์ที่สุดต่อการเกิดมะเร็งตับ ดังนั้นสรุปได้ว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสตับอักเสบบีแบบ A1762T/G1764A มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งตับ แต่การกลายพันธุ์ของยีนพี 53 ชนิดอาร์249เอส ไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งตับในกลุ่มประชากรไทยที่ทำการศึกษา