Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษารูปแบบ และศึกษาผลของการใช้รูปแบบการฝึกที่ผสมผสานทักษะความเร็ว ความแข็งแรง และความอดทน เพื่อพัฒนาความสามารถในการวิ่ง 100 เมตรของนักวิ่งชาย อายุ 14-16 ปี โดยมี 2 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 กระบวนการพัฒนาและสร้างรูปแบบการฝึกเพื่อนำไปสู่รูปแบบการฝึกที่ผสมผสานทักษะความเร็ว ความแข็งแรง และความอดทน เพื่อพัฒนาความสามารถในการวิ่ง 100 เมตร โดยการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาผลของการใช้รูปแบบ การฝึกที่ผสมผสานทักษะความเร็ว ความแข็งแรง และความอดทน เพื่อพัฒนาความสามารถในการวิ่ง 100 เมตรของนักวิ่งชาย กลุ่มตัวอย่างเป็นนักวิ่งชาย 100 เมตรอายุ 14-16 ปีโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร จำนวน 46 คน ด้วยการเลือกอย่างเฉพาะเจาะจง แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็นสองกลุ่มๆละ 23 คนโดยการสุ่มอย่างง่าย แบ่งเป็นกลุ่มทดลองใช้รูปแบบการฝึกที่ผสมผสานทักษะ ความเร็ว ความแข็งแรง และความอดทนเพื่อพัฒนา ความสามารถในการวิ่ง 100 เมตรและกลุ่มควบคุม ที่ใช้รูปแบบการฝึกปกติของทางโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร มีการวัดองค์ประกอบความสามารถในการวิ่ง 100 เมตร ดังนี้ เวลาในการวิ่ง 10 เมตร 40 เมตรและ 100 เมตร ความแข็งแรงกล้ามเนื้อส่วนบน ความแข็งแรงกล้ามเนื้อขา พลังระเบิดกล้ามเนื้อขา พลังอดทนกล้ามเนื้อขา และความอดทนแบบแอแอโรบิก ก่อนการทดลอง หลังการทดลอง 6 สัปดาห์ และหลังการทดลอง 12 สัปดาห์ของทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม พบว่า
หลังการทดลอง 6 สัปดาห์ เวลาในการวิ่ง 10เมตร 40 เมตรและ100 เมตรความแข็งแรงกล้ามเนื้อส่วนบน ความแข็งแรงกล้ามเนื้อขา พลังระเบิดกล้ามเนื้อขา พลังอดทนกล้ามเนื้อขา และความอดทนแบบแอแอโรบิก ของกลุ่มทดลองดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยการใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างภายในแต่ละกลุ่มด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวชนิดวัดซ้ำ พบว่า กลุ่มทดลอง มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในทุกองค์ประกอบของความสามารถในการวิ่ง 100 เมตร ในขณะที่กลุ่มควบคุม มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ของเวลาในการวิ่ง 40 เมตรเพียงอย่างเดียว
หลังการทดลอง 12 สัปดาห์ เวลาในการวิ่ง 10เมตร40เมตรและ100 เมตรความแข็งแรงกล้ามเนื้อส่วนบน ความแข็งแรงกล้ามเนื้อขา พลังระเบิดกล้ามเนื้อขา พลังอดทนกล้ามเนื้อขา และความอดทนแบบแอแอโรบิก ของกลุ่มทดลองดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยการใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างภายในแต่ละกลุ่มด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวชนิดวัดซ้ำ พบว่า กลุ่มทดลอง มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในทุกองค์ประกอบของความสามารถในการวิ่ง 100 เมตรในขณะที่กลุ่มควบคุม มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ของเวลาในการวิ่ง 10 เมตร 40 เมตรและ 100 เมตร และ พลังระเบิดกล้ามเนื้อขา
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า รูปแบบการฝึกที่ผสมผสานทักษะความเร็ว ความแข็งแรง และความอดทน เพื่อพัฒนาความสามารถในการวิ่ง 100 เมตรของนักวิ่งชาย นั้นสามารถพัฒนาได้ หลังการทดลอง 6 สัปดาห์ ในทุกองค์ประกอบของความสามารถในการวิ่ง 100 เมตร อายุ 14-16 ปี ซึ่งรูปแบบการฝึกนี้เป็นรูปแบบของระยะเวลาการฝึกสั้นที่สามารถเห็นผลการพัฒนาดีกว่าการฝึกวิ่งปกติ เพียงอย่างเดียว อีกทั้งเหมาะสมกับนักวิ่งชายที่มีอายุ14-16 ปีและไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการบาดเจ็บ