Abstract:
แนวคิดเกี่ยวกับการห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดนั้นได้ถูกนำมาบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่าการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาการคอร์รัปชันในบั้นปลาย แต่อย่างไรก็ดีแนวความคิดดังกล่าวกลับแทบไม่มีสภาพบังคับในสังคมไทย ดังนั้นวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงได้ทำการศึกษาถึงที่มาของแนวความคิดดังกล่าว แล้วทำการพิจารณาเปรียบเทียบกับสภาพของสังคมไทยว่ามีการขัดหรือแย้งกับแนวความคิดนี้หรือไม่ และท้ายที่สุดก็ทำการเปรียบเทียบกฎหมายที่เกี่ยวกับการห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน(ฮ่องกง) และประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้
จากการศึกษาพบว่า แนวความคิดเกี่ยวกับการห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดนั้นมิได้ขัดหรือแย้งกับสภาพของสังคมไทยในปัจจุบัน แต่เหตุที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น เนื่องมาจากการบัญญัติกฎหมายของไทยยังไม่ตรงกับแนวความคิดในเรื่องนี้ อีกทั้งยังขาดความชัดเจนและยังไม่สอดคล้องกันในหลายกรณี ดังนั้น วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการบัญญัติกฎหมายใหม่เพื่อให้ตรงกับแนวความคิดในเรื่องนี้ อีกทั้งแก้กฎหมายในบางมาตราเพื่อให้เกิดความสอดคล้องต้องกัน และสามารถบังคับใช้ได้จริงในสังคมไทย