Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษา วิเคราะห์ และเปรียบเทียบเกี่ยวกับการให้อำนาจในการฟ้องคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรทั้งสองแห่งสามารถดำเนินคดีดังกล่าวได้ตามหลักการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและเพื่อประโยชน์สูงสุดในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาว่าการที่บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจ คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถฟ้องคดีได้เองนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ จึงควรที่จะศึกษาบทบัญญัติดังกล่าวเป็นอย่างไร เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและเสนอแนวทางที่เหมาะสมเกี่ยวกับการมีอยู่ของบทบัญญัติ โดยศึกษาและเปรียบเทียบตัวอย่างต่างประเทศที่มีการพัฒนาการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐแล้ว
ผลการวิจัยพบว่า การกระทำของรัฐต้องกระทำการผ่านบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐ ซึ่งอาจจะมีการกระทำที่นอกเหนือจากขอบเขต เงื่อนไข หรือกฎเกณฑ์ที่กฎหมายได้กำหนดไว้ โดยมีเจตนาทุจริตหรือมีเหตุปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายเพื่อเอื้ออำนวยผลประโยชน์ต่างๆเพื่อพวกพ้องของตน โดยประเทศไทยอำนาจฟ้องคดีของอัยการสูงสุดและคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีลักษณะตรวจสอบอำนาจซึ่งกันและกัน (Check and balance) ตลอดเวลา ตามพระราชบัญญัติว่าประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 10 เป็นไปตามหลักการของแนวคิดรัฐธรรมนูญนิยม นอกจากนี้ในการดำเนินคดีชั้นศาล ไม่ว่าจะเป็นอัยการสูงสุด หรือคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ฟ้องเองต่างต้องถูกตรวจสอบจากองค์กรศาลเช่นกัน ดังนั้นในกรณีที่สำนวนคดีของโจทก์มีข้อบกพร่องไม่สมบูรณ์อาจถูกองค์กรศาลยกฟ้องก็ได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน