Abstract:
จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยการบริโภคที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวก็มีปัจจัยส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะแข่งขันการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน โดยสินเชื่อส่วนบุคคลก็นับว่าเป็นสินเชื่อที่มีการใช้บริการจากผู้บริโภคมากที่สุด และมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงที่สุดเช่นกัน เนื่องจากผู้ขอสินเชื่อไม่จำเป็นที่จะต้องมีรายได้มากนัก และไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงเป็นเหตุให้ผู้ติดตามทวงถามหนี้ใช้วิธีการต่างๆ อันอาจเป็นการละเมิดต่อผู้บริโภคที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือรบกวนชีวิตความเป็นอยู่อันเกินควร
ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับการควบคุมการติดตามทวงถามหนี้เหมือนอย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศนอร์เวย์ หรือประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งถ้ามีการกระทำใดที่เกิดจากการติดตามทวงถามหนี้นั้น ก็จะมีความรับผิดเพียงตามที่ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่บัญญัติเป็นความผิดไว้ซึ่งขึ้นอยู่กับการการกระทำว่าครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ แต่มาตรการทางกฎหมายดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอต่อการคุ้มครองผู้บริโภคสินเชื่อส่วนบุคคล ดังนั้น ปัจจุบันรัฐจึงจะแก้ปัญหาโดยการร่างพระราชบัญญัติการติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ. …. เพื่อให้ประเทศไทยได้มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการติดตามทวงถามหนี้เพื่อควบคุมให้การติดตามทวงถามหนี้เป็นไปอย่างถูกต้องและลดปัญหาในการติดตามทวงถามหนี้ที่ไม่เหมาะสมในสังคมลง แต่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ยังมีข้อบกพร่องบางประการที่ควรปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถใช้บังคับได้อย่างบรรลุวัตถุประสงค์
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมุ่งศึกษาวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรคและข้อบกพร่องของมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงร่างพระราชบัญญัติการติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ. .... และมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาการติดตามทวงถามหนี้อย่างไม่เป็นธรรม เพื่อค้นหาแนวทางที่เหมาะสมและนำไปสู่ข้อเสนอแนะการแก้ไขปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ร่างพระราชบัญญัติการติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ. .... และมาตรการต่างๆ ให้สามารถนำไปบังคับใช้เพื่อลดปัญหาในการติดตามทวงถามหนี้ที่เกิดขึ้นในสังคมในปัจจุบันได้อย่างแท้จริง